รู้จัก 4 ประเภทของไบโพลาร์ พร้อมสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Share
ผู้ป่วยกำลังปรึกษาจิตแพทย์เกี่ยวกับอาการไบโพลาร์

โรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะทางจิตเวชที่ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วย ทำให้เกิดการแกว่งของอารมณ์อย่างรุนแรง สลับไปมาระหว่างภาวะซึมเศร้า (Depression) และภาวะอารมณ์สูงรุนแรง (Mania) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ด้วยการวินิจฉัยที่ถูกต้อง การรักษาที่เหมาะสม และการดูแลอย่างครอบคลุม ผู้ป่วยก็จะสามารถฟื้นตัวและกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติ

อาการไบโพลาร์ คืออะไร ?

ไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) เป็นภาวะทางจิตเวชที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรุนแรงระหว่างขั้วตรงข้าม ส่งผลต่อระดับพลังงาน รูปแบบความคิด และพฤติกรรม ซึ่งอาการเหล่านี้อาจคงอยู่ตั้งแต่หลายชั่วโมงถึงหลายเดือน

ผู้ป่วยไบโพลาร์จะมีการสลับไปมาระหว่างอาการสำคัญ 2 ขั้ว ได้แก่

1. ภาวะอารมณ์สูง

2. ภาวะอารมณ์ต่ำ

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังมีช่วงที่อารมณ์ปกติด้วย ทั้งนี้ อาการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการทำงาน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการดูแลตนเอง ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

สาเหตุของอาการไบโพลาร์

4 ประเภทของไบโพลาร์

โรคไบโพลาร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. โรคไบโพลาร์ชนิดที่ 1 (Bipolar I disorder)

ลักษณะเด่น : มีอาการเมเนีย (Mania) รุนแรง

2. โรคไบโพลาร์ชนิดที่ 2 (Bipolar II disorder)

ลักษณะเด่น : มีอาการซึมเศร้ารุนแรงและอาการไฮโพเมเนีย (Hypomania)

3. โรคไซโคลไทเมีย (Cyclothymic disorder)

ลักษณะเด่น : มีอารมณ์ขึ้นลงเรื้อรัง แต่ความรุนแรงน้อย

4. โรคไบโพลาร์แบบที่ระบุได้และแบบที่ระบุไม่ได้อื่น ๆ

ลักษณะเด่น : ไม่เข้าเกณฑ์ 3 ประเภทข้างต้นแต่มีอาการผิดปกติชัดเจน

การวินิจฉัยโรคไบโพลาร์ มีวิธีการอย่างไร ?

การวินิจฉัยโรคไบโพลาร์ เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบจากจิตแพทย์ โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้

1. การซักประวัติอย่างละเอียด

2. การตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการ

3. การประเมินทางจิตเวช

4. การติดตามและบันทึกอาการ

วิธีการรักษาโรคไบโพลาร์

1. การรักษาด้วยยา

การใช้ยาเป็นพื้นฐานสำคัญของการรักษาโรคไบโพลาร์ โดยจิตแพทย์อาจจะพิจารณาให้ยาปรับอารมณ์ ยารักษาโรคทางจิต หรือในบางกรณีอาจใช้ยาต้านซึมเศร้าร่วมกับยาปรับอารมณ์ ทั้งนี้เพื่อควบคุมอาการทั้งในช่วงอารมณ์สูงและช่วงซึมเศร้า

2. จิตบำบัด

การทำจิตบำบัดหรือการพูดคุยกับผู้ชำนาญการด้านสุขภาพจิต ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจโรคและเรียนรู้ทักษะในการจัดการกับอาการ โดยมีหลายรูปแบบ เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การบำบัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การบำบัดแบบครอบครัว และการบำบัดความคิดและพฤติกรรม ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่เป็นปัญหา

3. การจัดการตนเอง

ผู้ป่วยสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโรคและสังเกตอาการของตนเอง เพื่อระบุสัญญาณเตือนเมื่อเริ่มมีอาการกำเริบ รวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้อาการแย่ลง โดยการจดบันทึกอารมณ์ประจำวันและการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนสำคัญของการจัดการตนเอง

4. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

การออกกำลังกายเป็นประจำ การฝึกโยคะ การทำสมาธิ และการรักษาจังหวะการนอนที่ต่อเนื่อง มีส่วนช่วยอย่างมากในการควบคุมอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิต

5. การรักษาอื่น ๆ

ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น อาจมีการพิจารณารักษาด้วยไฟฟ้า (ECT) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมอาการอย่างรวดเร็วและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น

จิตแพทย์กำลังอธิบายให้ผู้ป่วยฟังถึงอาการไบโพลาร์

สำหรับผู้ที่มีอาการไบโพลาร์ หรือสงสัยว่ามีปัญหาสุขภาพจิต อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ เพราะการเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมคือก้าวแรกสู่การฟื้นฟูและการกลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพ ที่ Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลจิตเวชในเครือโรงพยาบาลเวชธานี เราพร้อมอยู่เคียงข้างผู้ป่วยในทุกสถานการณ์ด้วยทีมสหสาขาวิชาชีพที่มากประสบการณ์ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นดูแล บำบัด และรักษาสุขภาพจิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยใช้เครื่องมือทันสมัยและกิจกรรมบำบัดที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง

นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทรศัพท์: 02-589-1889

LINE Official Account: @bmhh

Location: https://maps.app.goo.gl/MCKXwQMK1mCshWKdA

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความเพิ่มเติม