
อารมณ์หงุดหงิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด การทำงานที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วเรามักจะจัดการและกลับสู่สภาวะปกติได้ในเวลาไม่นาน แต่หากคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการหงุดหงิดง่ายผิดปกติ อารมณ์ฉุนเฉียวได้กับเรื่องเพียงเล็กน้อย และเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ นี่อาจไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพกาย หรือสุขภาพจิตที่ซ่อนอยู่ที่ควรรีบทำความเข้าใจและดูแลอย่างถูกวิธี
สาเหตุที่ทำให้หงุดหงิดง่าย
อาการหงุดหงิดง่ายสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
1. ปัญหาสุขภาพจิต
อาการหงุดหงิดง่ายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรง อาจไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่อาจเป็นอาการหนึ่งที่บ่งชี้ถึงโรคทางจิตเวชหลายชนิด เช่น
- โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) อาการหงุดหงิดง่าย จัดอยู่ในภาวะเมเนีย (Mania) ในช่วงเวลานี้ สมองจะตื่นตัวสูงเกินปกติ ทำให้มีอารมณ์สูงรุนแรง เช่น หงุดหงิดผิดปกติ ตื่นเต้น พูดเร็ว พูดมาก โดยภาวะเมเนียจะสลับไปมากับภาวะซึมเศร้า (Depression)
- โรคซึมเศร้า (Depression) แม้ภาพจำของโรคซึมเศร้าคือความเศร้า แต่ในผู้ป่วยบางคนอาจมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย อะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด รู้สึกเหมือนอยู่ไม่สุขได้เช่นกัน
- โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders) ผู้ที่ป่วยเป็นโรควิตกกังวลอาจมีอาการ หรือความรู้สึกเหล่านี้เช่น หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย ขาดสมาธิ กังวลตลอดเวลา ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น
2. ความเครียดและกังวล
ความเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หงุดหงิดง่าย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเงิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว การทำงานที่มีแรงกดดัน หรือการสูญเสียคนสำคัญ นอกจากนี้ เมื่อเผชิญกับความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเครียด เช่น คอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ซึ่งหากฮอร์โมนเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้หลั่งมากจนเกินไป อาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจได้
3. พักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่พอ หรือคุณภาพการนอนต่ำส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของสมอง เมื่อร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ในช่วงนอนหลับ จะทำให้สมองตอบสนองต่อความเครียดได้แย่ลง ความอดทนต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ลดลง จึงหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ การจัดเวลานอนให้เพียงพอ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอน เช่น ห้องมืด อุณหภูมิเหมาะสม และหลีกเลี่ยงหน้าจอก่อนนอน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้อารมณ์คงที่มากขึ้น
4. มีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย
ความเจ็บปวดเรื้อรังจากโรคต่าง ๆ เช่น ไมเกรน ปวดฟัน ปวดหลัง ข้ออักเสบ หรือแม้แต่ความไม่สบายตัวจากไข้หวัด เป็นภาระที่บั่นทอนทั้งพลังงานกายและพลังงานใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ และไม่มีความสุขกับชีวิตประจำวัน แม้จะพยายามทำจิตใจให้แจ่มใสแล้วก็ตาม

5. น้ำตาลในเลือดต่ำ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เกิดขึ้นเมื่อระดับกลูโคสในเลือดลดลงต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในคนปกติ หรือต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดชิลิตรในกรณีของผู้ป่วยเบาหวาน อาการที่พบได้เมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น หงุดหงิด โมโหโดยไม่มีสาเหตุ มือสั่น รู้สึกกระวนกระวาย เหงื่อออก หรือหิว ซึ่งอาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
6. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดอาการหงุดหงิดง่าย เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน (PMS) ที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ หรือภาวะวัยทองที่ระดับฮอร์โมนเพศลดลง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์
7. มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
อาการหงุดหงิดง่ายเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีภาวะบกพร่องทางพัฒนาการ เช่น ภาวะออทิสติกสเปกตรัม (ASD) หรือโรคสมาธิสั้น (ADHD) ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ ทำให้หงุดหงิด หรือโมโหง่ายกว่าคนทั่วไป ภาวะเหล่านี้ต้องการการดูแลจากจิตแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
8. ภาวะถอนคาเฟอีน (Caffeine Withdrawal)
สำหรับผู้ที่ติดกาแฟ เมื่อหยุดหรือลดปริมาณลงกะทันหันแล้วร่างกายเกิดอาการผิดปกติ จะเรียกว่าภาวะถอนคาเฟอีน ซึ่งหนึ่งในอาการที่เด่นชัดที่สุดคือความหงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย และอารมณ์ที่ไม่คงที่ ร่วมกับอาการอ่อนเพลียและไม่มีสมาธิ
วิธีรับมือกับอาการหงุดหงิดง่ายให้ใจเย็นลง

- ฝึกหายใจเข้าออกช้า ๆ ลึก ๆ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ทำให้อารมณ์ลดลง
- พาตัวเองออกจากสถานการณ์ หรือบุคคลที่กระตุ้นให้เกิดความหงุดหงิดสักครู่ เพื่อให้มีเวลาสงบสติอารมณ์
- จดจำสถานการณ์ หรือปัจจัยที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดง่าย เช่น เสียงดัง สถานที่แออัด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมที่ไม่ชอบ เพื่อเตรียมตัวรับมือ หรือหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นไปได้
- หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายทำเป็นประจำ เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง ทำงานอดิเรก หรือพูดคุยระบายความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจ
- ดูแลสุขภาพกายให้ดี พยายามนอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และตรงเวลา เพราะสุขภาพกายที่ดีเป็นพื้นฐานของสุขภาพจิตที่มั่นคง
การหงุดหงิดง่ายที่ควบคุมไม่ได้ คือสัญญาณที่ควรปรึกษาแพทย์
แม้ว่าอารมณ์หงุดหงิดจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากภาวะหงุดหงิดง่ายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รุนแรงจนควบคุมไม่ได้ และส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์ การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การดูแลตัวเองเบื้องต้นอาจช่วยบรรเทาได้ แต่การเข้าพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษา คือหนทางที่ดีที่สุด
หากคุณ หรือคนใกล้ชิดมีอาการหงุดหงิดง่ายอย่างรุนแรงจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลที่ดูแลปัญหาทางจิตใจในเครือโรงพยาบาลเวชธานี มีทีมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่พร้อมให้การดูแลและรักษาอย่างครอบคลุม โดยจะวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาอารมณ์ที่ควบคุมได้ยาก และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อช่วยให้คุณกลับมามีสภาวะอารมณ์ที่มั่นคงและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้จักอาการหายใจเร็วเกินไป Hyperventilation คืออะไร
เคยไหมที่ในสถานการณ์ตึงเครียด จู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจหอบเร็ […]

โรคมโน ปัญหาสุขภาพจิตที่มักหลอกตัวเอง รักษาอย่างไร
หลายครั้งที่เราอาจเคยใช้คำว่า “มโน” ในความหมายทั่วไปที่ […]

เครียดสะสมเสี่ยงโรค ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคยเผชิญ แต่เมื่อความกดดั […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH