
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวชที่ปรากฏในรูปแบบของอาการแพนิค หรือการเกิดภาวะวิตกกังวลอย่างรุนแรงและไม่คาดคิด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสาเหตุจูงใจจากภายนอก ซึ่งอาการป่วยของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป อาจจะรู้สึกกลัวอย่างรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว หายใจติดขัด หรือมีอาการคล้ายกับโรคหัวใจ ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโรคแพนิคจะช่วยให้ผู้ป่วยและคนใกล้ชิดสามารถรับมือและเตรียมพร้อมในการรักษาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โรคแพนิคคืออะไร ?
โรคแพนิค คือ ภาวะที่ผู้ป่วยรู้สึกตื่นกลัวอย่างกะทันหัน เหมือนกับอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย มักเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมอารมณ์และความเครียด สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ครั้งละประมาณ 10-20 นาที หรือยาวไปเป็นชั่วโมง พบได้ในทุกวัย แต่มักพบในผู้ที่มีความเครียดสะสม และคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน
สาเหตุของโรคแพนิค
โรคแพนิคสามารถเกิดขึ้นจากหลากหลายสาเหตุ แต่โดยส่วนมากมักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- พันธุกรรม มีการศึกษาและวิจัยพบว่า โรคแพนิคมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยพบว่าฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันจะเป็นโรคแพนิคเหมือนกัน รวมถึงผู้ที่มีญาติเป็นโรคแพนิคก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยมีการสืบทอดทางพันธุกรรมแบบ Autosomal Dominant คือ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่เกิดจากยีนเด่นเพียงยีนเดียวก็สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ และแสดงอาการในทุกรุ่นของทายาทรุ่นต่อ ๆ ไป
- ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง อย่างเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ที่มีหน้าที่ในการควบคุมอารมณ์และความเครียดต่าง ๆ หากไม่สมดุลจะทำให้เกิดภาวะวิตกกังวล หรือกระตุ้นอาการของโรคแพนิคได้
- ความเครียดและปัญหาทางด้านจิตใจ เช่น ความเครียดสะสมจากการทำงาน ปัญหาครอบครัว หรือการเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักแบบกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว
อาการของโรคแพนิค
อาการของโรคแพนิคสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน โดยไม่มีสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นใด ๆ และมีหลายอาการที่เหมือนอาการเจ็บป่วยทางกาย โดยเกิดในช่วงสั้น ๆ ประมาณ 10-20 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมง อาการที่พบบ่อย มีดังนี้
- หัวใจเต้นเร็ว หรือรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกจากหน้าอก
- หายใจไม่ออก หรือรู้สึกหายใจลำบาก
- เหงื่อออกมาก โดยเฉพาะในช่วงที่แพนิคอาการกำเริบ
- เจ็บหน้าอก หรือปวดเหมือนจะหัวใจวาย
- เวียนหัว หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
- สั่นหรือกระตุก ที่มือหรือในร่างกาย
- รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย หรือรู้สึกสูญเสียการควบคุมตัวเอง
บรรเทาอาการในเบื้องต้น
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการของโรคแพนิค ให้ลองบรรเทาอาการในเบื้องต้นดังต่อไปนี้
1. ควบคุมการหายใจ
หายใจเข้า-ออกช้า ๆ โดยใช้หลัก 4-4-8 หรือ 4-7-8 โดยทำตามวิธีดังต่อไปนี้
- หายใจให้ยาวขึ้นกว่าเดิม โดยนับ 1-4
- จากนั้นกลั้นหายใจเอาไว้โดยนับ 1-4 หรือ 1-7
- ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจทางปากให้เกิดเสียงฟู่ นับ 1-8
- ทำซ้ำจนกว่าอาการจะบรรเทา
วิธีนี้ไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการแพนิค แต่ยังช่วยทำให้ผ่อนคลาย และนอนหลับง่ายอีกด้วย
2. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นอาการของโรคแพนิค
ลองสังเกตดูว่าสถานการณ์แบบไหนที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้บ้าง แนะนำให้ระบุข้อมูลต่าง ๆ ทุกครั้งที่เกิดอาการดังต่อไปนี้
- สถานการณ์และสภาวะโดยรอบ เช่น อยู่ในที่ที่คนเยอะ อยู่ในที่สาธารณะ หรืออยู่คนเดียว
- สถานที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ บ้าน
- การดื่มหรือบริโภคอาหาร เช่น การดื่มคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาบางอย่าง
- อารมณ์ความรู้สึกก่อนที่จะมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น เช่น กังวล กลัว เครียด กดดัน
เมื่อรู้ว่าสิ่งใดมักกระตุ้นให้เกิดอาการ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว แต่หากว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้ฝึกการหายใจลึก และผ่อนคลาย จากนั้นค่อย ๆ เผชิญหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากจิตแพทย์อย่างใกล้ชิด
3. ผ่อนคลายจิตใจ
หาวิธีที่ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง ดังต่อไปนี้
- การทำสมาธิ จดจ่ออยู่กับลมหายใจ และช่วยลดความฟุ้งซ่าน ซึ่งปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ช่วยทำสมาธิ ช่วยให้สามารถเข้าสู่สมาธิได้ง่ายขึ้น
- ฝึกโยคะ เป็นการออกกำลังกายที่รวมการเคลื่อนไหวร่างกาย การหายใจ และการทำสมาธิเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
- ฟังเพลงที่ช่วยทำให้จิตใจสงบ และสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย เน้นจังหวะช้า ๆ หรือเพลงบรรเลงเบา ๆ

การตรวจวินิจฉัย
สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคแพนิค โดยทั่วไปจิตแพทย์จะทำการประเมินผู้ป่วยโดยวิธีดังต่อไปนี้
- ซักประวัติ โดยจิตแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น ระยะเวลาของอาการ และปัจจัยที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้น
- ตรวจร่างกาย เพื่อแยกอาการของโรคแพนิคออกจากโรคทางกายอื่น ๆ อย่างหัวใจ ไทรอยด์ โดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือตรวจเลือดเพื่อวัดระดับไทรอยด์
- การประเมินทางจิตเวช โดยจิตแพทย์จะใช้เกณฑ์วินิจฉัยโรคแพนิคตาม DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders) และใช้แบบประเมินความรุนแรงของโรคแพนิค PDSS เพื่อเข้าใจและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
แนวทางการรักษา
การรักษาโรคแพนิคจะใช้วิธีจิตบำบัดร่วมกับการใช้ยาในกรณีที่มีอาการรุนแรง
- จิตบำบัด โดยการปรับความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy; CBT) ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งฝึกให้ผู้ป่วยหายใจและผ่อนคลาย เพื่อลดอาการ Panic Attack
- ยา ปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง โดยใช้ยา 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ยาที่ออกฤทธิ์เร็ว ให้ผลเร็ว แต่ทำให้ติดยาและเลิกยาก อีกกลุ่มคือยาที่ออกฤทธิ์ช้า ซึ่งจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยและปรับยาตามความเหมาะสม
คำถามที่ถามบ่อย
โรคแพนิคสามารถหายเองได้ไหม ?
แนะนำให้พบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างเหมาะสม เพราะเป็นโรคที่มักไม่หายเอง และมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอาการคล้ายกับโรคหัวใจ ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้พบแพทย์อย่างทันท่วงที
โรคแพนิคถ้าปล่อยไว้จะเป็นอันตรายหรือไม่ ?
โรคแพนิคไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากว่าปล่อยไว้โดยไม่รักษาอย่างเหมาะสม อาจจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เกิดภาวะซึมเศร้า และมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้
แพนิคต่างจากซึมเศร้าอย่างไร ?
อาการของโรคแพนิคมักเกิดจากมีความวิตกกังวลเฉียบพลัน เช่น หัวใจเต้นเร็ว หรือหายใจไม่ออก ในขณะที่โรคซึมเศร้าคือภาวะที่รู้สึกหดหู่และหมดความสนใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน
หากมีอาการแพนิคหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ปรึกษาจิตแพทย์ได้ที่ BMHH
หากมีอาการแพนิค (Panic) หรือสงสัยว่ามีปัญหาสุขภาพจิต ควรนัดหมายจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลจิตเวชในเครือโรงพยาบาลเวชธานี พร้อมอยู่เคียงข้างผู้ป่วยในทุกสถานการณ์ มุ่งมั่นดูแลสุขภาพจิตอย่างดีที่สุด โดยทีมสหสาขาวิชาชีพมากประสบการณ์
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้จัก 4 ประเภทของไบโพลาร์ พร้อมสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
โรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะทางจิตเวชที่ส่ […]

ชนิดของโรคซึมเศร้า รู้เท่าทัน รับมือถูกวิธี
โรคซึมเศร้า อาการป่วยทางใจที่ไม่ใช่เพียงแค่มีความรู้สึก […]

ลูกไม่ตั้งใจเรียน เหตุเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน
คุณพ่อคุณแม่ย่อมคาดหวังให้ลูกตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และมี […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH