ปัญหาสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เพราะหลายคนกำลังเผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจ การทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์ จนรู้สึกเครียด ท้อแท้ หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ทำให้เริ่มมองหาที่ปรึกษาเพราะอยากหาทางออกให้กับชีวิต แต่ระหว่างจิตแพทย์กับนักจิตวิทยาจะปรึกษาใครดี ซึ่งเชื่อว่าหลายยังคงสับสนว่า “จิตแพทย์” และ “นักจิตวิทยา” แตกต่างกันอย่างไร
แนวทางการรักษาของจิตแพทย์และจิตวิทยา
- จิตแพทย์ คือ ผู้ที่สามารถวินิจฉัยและรักษาอาการป่วยทางจิต รวมถึงสามารถให้คำปรึกษา และจ่ายยาได้ในทันที จากนั้นค่อยมาติดตามอาการต่อในนัดครั้งหน้า แต่หากยังไม่พร้อมรักษาด้วยยาก็สามารถแจ้งความต้องการกับจิตแพทย์ได้โดยตรง ซึ่งจิตแพทย์จะพิจารณาอาการก่อนว่าสามารถยอมให้รักษาแบบไม่ใช้ยาได้หรือไม่ จากนั้นจิตแพทย์จะแนะนำวิธีการต่าง ๆ ในการปรับตัวกับปัญหา แล้วค่อยนัดมาติดตามอาการใหม่ในครั้งหน้า
- นักจิตวิทยา คือ เหมาะสำหรับคนที่มีความไม่สบายใจและอยู่ในระดับที่ยังไม่ค่อยรุนแรง โดยยังไม่ส่งผลกระทบต่อ การทำงาน การเข้าสังคมและความสัมพันธ์มากนัก เพียงแค่อยากลองมาพูดคุยหรือปรึกษา ซึ่งนักจิตวิทยาจะค่อย ๆ บำบัดและประเมินอาการเป็นระยะ แต่จะไม่สามารถจ่ายยาได้ หากอาการดีขึ้นก็ไม่ต้องขอนัดจิตแพทย์ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มมีความรุนแรงนักจิตวิทยาจะแนะนำให้พบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป หากเจอปัญหาจนเกิดอาการเครียด กังวล หาทางออกในชีวิตไม่เจอ ทุกคนก็มีโอกาสที่จะเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตปกติได้ต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
ก้าวข้ามผ่านความทุกข์ด้วยพลังของการบำบัด
ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดัน การรักษาสุขภาพจิตกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพร่างกาย
GAD เมื่อความกังวลกลายเป็นปัญหา
ทุกคนย่อมมีความกังวลใจบ้างเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่ความกังวลที่มากเกินไปและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
บาดแผลที่เกิดขึ้นในใจเด็ก อาจเสี่ยงเป็น PTSD
โรค PTSD หรือโรคเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นโรคจิตเวชที่สามารถเกิดได้กับทุกคนที่ประสบเหตุการณ์รุนแรงหรือเหตุการณ์สะเทือนใจมา
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH