วันที่ 10 กันยายนของทุกปี เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการฆ่าตัวตายที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก องค์การอนามัยโลกได้ประกาศรณรงค์วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ซึ่งในปี ค.ศ. 2024 – 2026 กำหนดธีมภายใต้หัวข้อ “Changing the narrative on suicide” โดยเน้นการสื่อสาร เปิดใจสนทนาในเรื่องนี้ด้วยความใส่ใจ
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่า 700,000 คนทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าทุก ๆ 40 วินาที จะมีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย1 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้พยายามฆ่าตัวตายอีกหลายล้านคนในแต่ละปี สถิตินี้แสดงให้เห็นว่าการฆ่าตัวตายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลกในประเทศไทย ข้อมูลปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 5,172 คน หมายความว่า ทุก 2 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิต 1 คน
สาเหตุการฆ่าตัวตายนั้น มักจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง ปัจจัยด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม มุมมองการใช้ชีวิตของแต่ละคน กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายเช่นผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ กลุ่มคนที่ใช้สารเสพติดผู้ที่ประสบกับความสูญเสียหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เช่น การหย่าร้าง การตกงาน หรือการสูญเสียคนรักหรือผู้ที่เคยถูกกระทำรุนแรงบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังโดยคนใกล้ชิด
สัญญาณเตือนที่คนใกล้ชิดควรตระหนัก
- การพูดถึงความตายหรือการฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง เช่น “ฉันอยากตาย” หรือ “ทุกคนคงจะดีขึ้นถ้าฉันไม่อยู่”
- การแสดงออกถึงความรู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า หรือติดอยู่ในสถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างฉับพลัน เช่น การแยกตัวจากสังคม หรือการเปลี่ยนนิสัยการนอนและการกินอย่างมาก
- การให้ของมีค่าแก่ผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- การเตรียมการสำหรับการจากไป เช่น การเขียนจดหมายลาหรือการทำพินัยกรรม
- การค้นหาวิธีการฆ่าตัวตายทางอินเทอร์เน็ตหรือพยายามหาอาวุธ
หากพบว่าคนใกล้ตัวกำลังมีความคิดฆ่าตัวตาย การให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมอาจช่วยชีวิตพวกเขาได้ ต่อไปนี้คือแนวทางที่คุณสามารถปฏิบัติได้:
- รับฟังอย่างตั้งใจ: ให้เวลาและพื้นที่แก่พวกเขาในการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน การรับฟังอย่างเห็นอกเห็นใจจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
- ถามคำถามตรง ๆ: อย่ากลัวที่จะถามว่าพวกเขากำลังคิดฆ่าตัวตายหรือไม่ การพูดคุยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาจะไม่ทำให้พวกเขาคิดฆ่าตัวตายมากขึ้น แต่จะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น
- ให้ความช่วยเหลือในทันที: หากพวกเขากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ให้อยู่เป็นเพื่อนและช่วยนำพาพวกเขาไปพบจิตแพทย์
- ช่วยหาทางออก: ช่วยพวกเขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ แต่อย่าพยายามแก้ปัญหาทั้งหมดแทนพวกเขา
การป้องกันการฆ่าตัวตายเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในสังคม ด้วยความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการสนับสนุนที่เหมาะสม หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังประสบปัญหาทางจิตใจ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะการพูดคุยและการรักษาที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้
โรงพยาบาลของเราพร้อมให้บริการปรึกษาด้านสุขภาพจิต โดยทีมแพทย์และนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันสร้างความหวังและป้องกันการสูญเสีย เพราะทุกชีวิตมีค่าและสำคัญ
บทความที่เกี่ยวข้อง
เติมเต็มชีวิตให้ผู้สูงอายุ เอาชนะภาวะซึมเศร้า
ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่น่ากังวล หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รับการรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเรื้อรังต่างๆ
วันเด็กแห่งชาติ ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของเด็ก
สุขภาพจิตของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! ในวันเด็กแห่งชาตินี้มาสร้างอนาคตที่สดใสให้กับลูกหลานของเรากันเถอะ โดยเริ่มจากการดูแลสุขภาพจิต
5 วิธีรับมือเมื่อชีวิตต้องเผชิญกับการสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก
การสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักสามารถทำให้เรารู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้ และหลงทางในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ด้วยการให้เวลาและการรับมืออย่างมีสติ
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH