
สภาพสังคม เศรษฐกิจ ความกดดัน ความเร่งรีบ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไทยจำนวนมากเผชิญกับ ‘ความเครียด’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บ้างก็รู้ตัว บ้างก็ไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนคิดมากและวิตกกังวลกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวจนยากเกินจะเยียวยา การเข้าใจและรู้เท่าทันความเครียดจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ความเครียดคืออะไร ? รู้ไว้ จัดการได้ถูกวิธี
ความเครียดหรือ Stress คือ ภาวะของอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อบุคคลต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทำให้รู้สึกกดดัน ไม่สบายใจ วุ่นวายใจ กลัว วิตกกังวล ตลอดจนถูกบีบคั้น และเมื่อบุคคลนั้นรับรู้ว่าสถานการณ์นั้นเป็นสิ่งที่คุกคามจิตใจ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย จะส่งผลให้ร่างกายและจิตใจเสียสมดุล และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ตามมา ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงแรกที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้ ย่อมหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เพราะความเครียดจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความไม่สมดุล ต่อมใต้สมองจึงสั่งการให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่าคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายมีอาการต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง อ่อนเพลีย อีกทั้งยังกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้บางคนมีอาการหน้ามืด เป็นลม เจ็บหน้าอก ความดันโลหิตสูง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และเป็นบ่อเกิดของโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคอ้วน
2. การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและอารมณ์
การหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง รวมทั้งอยู่ในสภาวะที่ถูกกดดัน มักส่งผลกับจิตใจและอารมณ์โดยตรง คนที่มีความเครียดมักสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ไม่สนใจบุคคลรอบข้างและสิ่งรอบตัว ใจลอย โมโหง่าย ไม่มีสมาธิ เซื่องซึม วิตกกังวล ไม่สามารถจัดการชีวิตของตัวเองได้ตามปกติ นำไปสู่การเกิดโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล อีกทั้งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่หลั่งออกมามากผิดปกติ ยังส่งผลให้เซลล์ประสาทฝ่อและลดจำนวนลง จึงส่งผลกระทบต่อสมองส่วนความจำและสติปัญญา ทำให้ความจำสั้น เป็นผลเสียต่อการทำงานและการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
3. การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม
ผลกระทบข้อสุดท้าย เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมหรือการแสดงออกที่เปลี่ยนไป เช่น หิวตลอดเวลา เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ปลีกตัวออกจากผู้อื่น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง แสดงออกต่อบุคคลรอบข้างด้วยความก้าวร้าว ความอดทนลดลง อาละวาด ขว้างปาข้าวของ ทำร้ายตัวเอง ชอบดึงผม กัดเล็บ หรืออาจไปข้องแวะกับยาเสพติด ตลอดจนหลงผิดและฆ่าตัวตายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
จากผลกระทบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจที่กล่าวถึงไปข้างต้น แสดงให้เห็นว่าความเครียดไม่ใช่เรื่องเล็ก หากกำลังเผชิญอยู่ ควรหาแนวทางการรับมืออย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นอาการเรื้อรังและส่งผลเสียต่อสุขภาพกายใจในระยะยาว
สาเหตุของความเครียด
การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจเพื่อรับมือกับภาวะความเครียด จำเป็นต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดมีอะไรบ้าง อาจสามารถแบ่งได้ 2 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
1. ปัจจัยภายใน
หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในร่างกายและจิตใจ เช่น การป่วยด้วยโรคทางจิตเวช หรือบุคลิกภาพส่วนตัวที่ส่งผลให้มีความหมกมุ่นและความกังวลมากเกินไป
2. ปัจจัยภายนอก
หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกที่กระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกเครียด ซึ่งปัจจัยภายนอกที่พบโดยทั่วไป ได้แก่
- การเจอความเปลี่ยนแปลงที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง
 - ปัญหาด้านการเงิน
 - ปัญหาเรื่องสุขภาพและการมีโรคประจำตัว
 - การมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับครอบครัว เพื่อน และคนรัก
 - ภาระงานที่หนักและกดดันเกินไป
 - การพักผ่อนไม่เพียงพอ
 

7 สัญญาณ บ่งบอกชัด ร่างกายกำลังเครียด
นอกเหนือจากผลกระทบจากความเครียดที่เรากล่าวถึงกันไปข้างต้น ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเหล่านั้น ร่างกายมักจะส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง เพื่อฟ้องว่าคุณกำลังเครียด โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากอาการเหล่านี้
- รู้สึกวิตกกังวลมากผิดปกติ
 - ขี้หงุดหงิดและโมโหง่าย
 - มีอาการซึมเศร้า ไม่อยากพบหรือพูดคุยกับใคร
 - รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
 - ขาดสมาธิในการทำงาน ความจำแย่ลง และตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องง่าย ๆ
 - การนอนผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก
 - ระบบบางอย่างในร่างกายทำงานผิดปกติ เช่น ระบบย่อย ระบบขับถ่าย หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว
 
แนวทางจัดการกับความเครียดอย่างถูกวิธี
หากคุณกำลังเผชิญกับสิ่งที่คิดไม่ตก รู้สึกเครียดตลอดเวลา แล้วไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี ในเบื้องต้นสามารถจัดการอารมณ์ได้ด้วยแนวทางง่าย ๆ ดังนี้
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
 - การฝึกสมาธิและฝึกการหายใจ เพื่อให้มีสติในทุกการกระทำ
 - การปรับเปลี่ยนความคิด คิดในแง่บวก ไม่หมกมุ่นกับสิ่งใดมากจนเกินไป
 - การพูดคุย ขอคำปรึกษา และขอกำลังใจจากคนที่ไว้ใจ
 - การเที่ยวพักผ่อนและใช้เวลากับธรรมชาติ
 - การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
 - การรู้จักปฏิเสธ เมื่อมีคนร้องขอในสิ่งที่ตนเองไม่อยากทำ หรือเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไป
 
เครียดแค่ไหนถึงควรไปพบแพทย์ ?
ปัจจุบัน ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็เจอแต่คนที่บอกว่าตัวเองเครียด แล้วต้องเครียดระดับไหนจึงควรไปปรึกษาแพทย์ ? คำตอบคือหากคุณมีความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย อารมณ์ และพฤติกรรมติดต่อกันมากเกิน 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือรู้สึกว่ามีความคิดบางอย่างรบกวนจิตใจจนกระทบชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาอย่างถูกวิธี ก่อนจะลุกลามและกลายเป็นโรคเรื้อรัง
โรคเครียดรักษายังไงได้บ้าง ?
- การรักษาด้วยยา ส่วนใหญ่แพทย์มักพิจารณาจ่ายยาลดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า รวมทั้งยาที่ช่วยให้นอนหลับได้สนิท หรือหากมีอาการทางร่างกาย ก็อาจต้องรับประทานยาเพื่อแก้อาการเหล่านั้นด้วย
 - การรักษาแบบไม่ใช้ยา เป็นการพูดคุยและทำจิตบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนความคิด หรือรักษาด้วยการกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้า
 
หากรู้สึกเครียดตลอดเวลา ร่วมกับมีอาการอื่นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อย่าปล่อยไว้ คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้ เพียงแค่เข้าใจและรับมือกับภาวะนี้อย่างถูกวิธี นอกจากจะเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมแล้ว ที่โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์ โรงพยาบาลจิตเวชเฉพาะทางในเครือของโรงพยาบาลเวชธานี เรามีนักจิตวิทยาคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่สุขสบายใจได้อย่างราบรื่นและอบอุ่นใจ
สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
Location & Google Map: ติวานนท์ 39
Website: bangkokmentalhealthhospital.com
ข้อมูลอ้างอิง
- ความเครียดคืออะไร ผ่อนคลายอย่างไรดี. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 จาก https://www.thaihealth.or.th/ความเครียดคืออะไร-ผ่อนค/
 
บทความที่เกี่ยวข้อง
								โรคเครียดไม่ใช่เรื่องเล็ก สาเหตุและวิธีการรักษาที่ควรรู้
ความเครียดเป็นอารมณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต […]
								ง่วงนอนตลอดเวลา เป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุใด
ความรู้สึกอ่อนเพลีย หรือง่วงนอนระหว่างวันเป็นสิ่งที่เกิ […]
								อยากเลิกยาเสพติด เริ่มต้นอย่างไร เมื่อไรที่ควรเริ่มเลิกยา
การตัดสินใจอยากเลิกยาเสพติด คือสัญญาณที่บอกว่า คุณพร้อม […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH