พฤติกรรมการบูลลี่ทำเด็กเสี่ยงซึมเศร้า

Share

พฤติกรรมการถูกบูลลี่ กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทยที่พบบ่อยในเด็กที่มีการกระทำรุนแรงต่อกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น การล้อเลียน การตำหนิจุดด้อยของคนอื่นจนทำให้ผู้อื่นมีความรู้สึกแย่ การพูดจาใส่ร้ายคนอื่นจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิด การกลั่นแกล้งทางโซเชียล ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่นสนุกหรือการแกล้งกันทั่วไป หากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบต่อทางร่างกายและจิตใจต่อผู้ที่ถูกกระทำจนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า

แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า การแกล้งกัน (Bully) คือ การกระทำต่อบุคคลที่อ่อนแอกว่า ให้ได้รับอันตรายทางร่างกายหรือรู้สึกเจ็บปวดทางจิตใจ ด้วยการกระทำซ้ำ ๆ อย่างตั้งใจ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสิ้นหวัง และไม่มีอำนาจที่จะสู้ได้ ซึ่งการบูลลี่สามารถเกิดขึ้นทุกที่ แต่มักจะพบมากที่สุด ในโรงเรียน ที่ทำงาน และสังคมออนไลน์

4 รูปแบบการบูลลี่ มีดังนี้

  1. การกลั่นแกล้งทางวาจา คือ การสื่อสาร เขียน เพื่อสื่อความหมายกลั่นแกล้ง เช่น ล้อเล่น, เรียกชื่อ, แสดงความคิดเห็นทางเพศที่ไม่เหมาะสม, เหน็บแนม และขู่ว่าจะทำอันตราย
  2. การกลั่นแกล้งทางสังคม คือ วิธีการทำให้เสียหน้า หรือแกล้งให้สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างตั้งใจ เช่น ขับเพื่อนออกจากกลุ่ม, กระจายข่าวลือให้เสียหาย, กีดกันไม่ให้เป็นเพื่อนกัน, ทำให้อับอายในที่สาธารณะ
  3. การกลั่นแกล้งทางกายภาพ คือ การกลั่นแกล้งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและสวัสดิภาพของผู้ถูกกลั่นแกล้ง เช่น การทุบตี ทำร้าย ทำให้สะดุด แย่งสิ่งของ แสดงออกทำท่าทางหยาบคายใส่
  4. การกลั่นแกล้งทางสื่อออนไลน์ (Cyber Bullying) เป็นหนึ่งในการกลั่นแกล้งที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสื่อออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนผู้กระทำ ซึ่งจะทำร้ายเหยื่อผ่านช่องทางโลกออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม อีเมล เป็นต้น

อาการของเด็กที่ถูกกลั่นแกล้ง จะมีอาการผิดปกติทางสุขภาพจิต เช่น หงุดหงิด วิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ฝันร้าย ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึม เก็บตัว ทำร้ายตัวเอง คิดฆ่าตัวตาย,มีร่องรอยบาดเจ็บฟกช้ำตามตัว บอกสาเหตุไม่ได้ชัดเจน, มีเพื่อนน้อยลง ไม่ค่อยพูดถึงเพื่อนหรือกิจกรรมที่โรงเรียน, มีอาการเครียด ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไม่อยากอาหาร, หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม เช่น หนีออกจากบ้าน ไปโรงเรียนสาย ไม่อยากไปโรงเรียน ขาดเรียนบ่อย ผลการเรียนตกต่ำ

ผลกระทบจากการถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเรียน เช่น ไม่อยากไปโรงเรียนหรือขาดเรียนบ่อย ๆ รวมทั้งอาจรู้สึกโดดเดี่ยวและแยกตัวออกจากสังคม

อาการของเด็กที่กำลังกลั่นแกล้งคนอื่น จะมีพฤติกรรมก้าวร้าว, มีของเล่นหรืออุปกรณ์การเรียนใหม่ๆโดยไม่รู้ที่มา, ชอบว่าคนอื่น ชอบแข่งขัน อยากเป็นที่ยอมรับ และทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด

ผลกระทบจากการที่ไปกลั่นแกล้งผู้อื่น เช่น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เสพติดแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอื่นๆ มีพฤติกรรมลักขโมยและเรียนไม่จบ มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับคู่สมรสหรือลูก คนใกล้ตัว และอาจจะเป็นอาชญากรในอนาคตได้

การรับมือการบูลลี่ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยหยุดเรื่องการกลั่นแกล้งกันได้ คือ ทุกคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องเข้าใจตรงกันว่าเรื่องการแกล้งกัน  ไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเด็กแกล้งกัน ไม่ใช่แค่การเล่นที่เป็นปกติหรือเป็นเรื่องที่เด็กสามารถจัดการกันได้เอง ต้องใช้ความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนทั้ง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ในการช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น

แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล
จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital

บทความที่เกี่ยวข้อง

ธันวาคม 6, 2024
โรคแกล้งป่วย เมื่อความเจ็บป่วยกลายเป็นการแสดง

การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แต่ในบางกรณี ความเจ็บป่วยกลับถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์บางอย่าง

พฤศจิกายน 29, 2024
5 อาการ โรคหลายบุคลิก

บุคลิกภาพของแต่ละบุคคล อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสถานการณ์ต่าง ๆ  ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพราะคนเรามักมีการปรับตัวเข้ากับสังคม

พฤศจิกายน 29, 2024
โรคชอบขโมย ไม่ใช่แค่ “ขโมย” แต่เป็น “โรค” 

การลักเล็กขโมยน้อย เป็นพฤติกรรมที่ใครเจอก็ต้องส่ายหัว เพราะต้องคอยระแวงข้าวของของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ในทางจิตเวชมีอยู่ 1

บทความเพิ่มเติม