ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะอะไร วิธีรับมือแบบเข้าใจลูก

Share
ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน สาเหตุและวิธีรับมือ

หลายบ้านคงเคยเจอกับสถานการณ์ที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน ตื่นเช้ามาแล้วลูกร้องไห้ บอกว่าปวดท้อง ปวดหัว หรือขอร้องให้อยู่บ้านแค่วันเดียว บางครั้งอาจดูเหมือนเป็นแค่ความดื้อ แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมเหล่านี้อาจสะท้อนถึงความไม่สบายใจ หรือแม้กระทั่งปัญหาทางอารมณ์และจิตใจที่เด็กยังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ชัดเจน การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและวิธีการรับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกเสียหาย

สาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน

ปัญหาที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ทั้งจากที่โรงเรียนและที่บ้าน

อาการผิดปกติที่บ่งบอกว่าลูกกำลังมีปัญหา

อาการผิดปกติที่บ่งบอกว่าลูกกำลังมีปัญหา

นอกจากการปฏิเสธไม่ไปโรงเรียน พ่อแม่ควรสังเกตสัญญาณอื่น ๆ ที่อาจบ่งบอกว่าลูกกำลังเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาเกินกว่าจะรับมือไหว 

วิธีรับมือเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน สิ่งสำคัญคือการตั้งสติและรับมืออย่างเข้าใจ เพื่อช่วยลูกแก้ปัญหาจากต้นตออย่างแท้จริง

1. รับฟังลูกเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง

ก่อนจะตัดสินหรือดุว่าเมื่อลูกไม่ยอมไปโรงเรียน ให้ใช้เวลาพูดคุยกับเขาอย่างใจเย็น ลองถามด้วยคำถามปลายเปิด เช่น “วันนี้ที่โรงเรียนมีอะไรสนุก ๆ บ้าง” หรือ “มีอะไรทำให้หนูไม่สบายใจหรือเปล่า” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าความรู้สึกออกมา การรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดหรือตำหนิ จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและไว้ใจที่จะเล่าปัญหาให้ฟัง หากลูกยังไม่พร้อมเล่า ให้เวลาและอย่าบังคับ การแสดงออกถึงความรักและการยอมรับจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจที่จะเปิดใจมากขึ้น

2. แสดงความเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ลูกกังวล

แสดงความเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ลูกกังวล

เมื่อลูกเล่าปัญหาให้ฟังแล้ว พ่อแม่ต้องแสดงความเข้าใจและยอมรับความรู้สึกของลูก บอกให้เขารู้ว่าเราอยู่ข้างเขาเสมอ เช่น “พ่อเข้าใจว่าหนูกลัวเพื่อนล้อ” หรือ “แม่รู้ว่าหนูยังไม่ชินกับคุณครูคนใหม่” การยอมรับความรู้สึกของลูกไม่ได้หมายความว่าเราเห็นด้วยที่เขาจะไม่ไปโรงเรียน แต่มันคือการสร้างเกราะป้องกันทางใจ ทำให้ลูกรู้สึกว่ามีคนเข้าใจและพร้อมจะเผชิญปัญหานี้ไปด้วยกัน

3. พูดคุย ปรึกษาคุณครูประจำชั้น

พ่อแม่ควรหาเวลาเข้าไปพูดคุยกับคุณครูเพื่อสอบถามพฤติกรรมของลูกที่โรงเรียน และเล่าสถานการณ์ที่บ้านให้ฟัง ครูอาจมีมุมมองหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกในโรงเรียนที่พ่อแม่ไม่ทราบ การวางแผนร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียนจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากปัญหาเกิดจากเพื่อนหรือครูคนอื่น ครูประจำชั้นสามารถเป็นตัวกลางในการแก้ไขได้ นอกจากนี้ ครูยังสามารถปรับวิธีการสอนหรือให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในห้องเรียนได้

4. ชื่นชม ให้กำลังใจเมื่อลูกไปโรงเรียน

ในวันที่ลูกสามารถเอาชนะความกลัวและยอมไปโรงเรียนได้สำเร็จ แม้จะยังมีอาการร้องไห้อยู่บ้าง พ่อแม่ควรให้คำชมเชยและกำลังใจทันที อาจเป็นคำพูดง่าย ๆ หรือให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราว การเสริมแรงบวกแบบนี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกดีกับตัวเองและมีกำลังใจที่จะไปโรงเรียนในวันต่อ ๆ ไป

5. ให้ลูกพกสิ่งของที่ชอบไปโรงเรียน

สำหรับเด็กบางคน การมีสิ่งของที่คุ้นเคยติดตัวไปโรงเรียนจะช่วยลดความกังวลได้มาก ของชิ้นนั้นอาจเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ผ้าห่มผืนโปรด หรือรูปถ่ายครอบครัว สิ่งของเหล่านี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงความรู้สึกปลอดภัยจากบ้านไปสู่โรงเรียน ทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ควรตกลงกับครูก่อน เพราะบางโรงเรียนอาจมีนโยบายเกี่ยวกับสิ่งของส่วนตัว จึงควรสอบถามให้ชัดเจน

6. ทำกิจวัตรตอนเช้าให้สม่ำเสมอ แม้ในวันที่ไม่ได้ไป

ทำกิจวัตรตอนเช้าให้สม่ำเสมอ แม้ในวันที่ไม่ได้ไป

หากวันไหนที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนจริง ๆ ควรให้เขาทำกิจวัตรประจำวันตามเวลาเดิม เช่น ตื่นนอน อาบน้ำ และกินข้าวให้เป็นเวลาเหมือนวันเรียน เพราะจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจของลูกคุ้นกับกิจวัตรเดิม ลดความเครียดในเช้าวันที่ต้องไปโรงเรียน ซึ่งมักเกิดจากความต่างของกิจวัตรระหว่างวันหยุดกับวันเรียนที่มากเกินไป จนทำให้ลูกปรับตัวได้ยาก

7. ปรึกษาจิตแพทย์เด็ก

หากลองใช้วิธีต่าง ๆ แล้วยังไม่ได้ผล หรือลูกมีอาการวิตกกังวลอย่างมาก มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรุนแรง ควรปรึกษาจิตแพทย์เด็กเพื่อการประเมินเพิ่มเติม เป็นไปได้ว่าลูกอาจมีภาวะทางจิตที่ต้องการการรักษา เช่น ความวิตกกังวลในการแยกจากพ่อแม่ โรคซึมเศร้า หรือปัญหาการเรียนรู้ การไปพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นโรคจิต แต่เป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูก

เมื่อลูกไม่ยอมไปโรงเรียน พ่อแม่ควรรับฟังและช่วยเหลืออย่างถูกวิธี

ปัญหาลูกไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นสัญญาณสำคัญที่พ่อแม่ต้องใส่ใจรับฟัง ไม่ใช่แค่การบังคับให้ไป แต่คือการหาสาเหตุและเข้าไปแก้ไขอย่างถูกจุด การสร้างความไว้วางใจ การสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ และการร่วมมือกับทางโรงเรียน คือแนวทางที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ แต่หากปัญหานั้นซับซ้อนเกินกว่าจะรับมือไหว การขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นทางเลือกที่จำเป็นเพื่ออนาคตของลูก

สำหรับพ่อแม่ที่กำลังเผชิญปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียนและต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลที่ดูแลปัญหาทางจิตใจในเครือโรงพยาบาลเวชธานี มีทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พร้อมให้คำปรึกษาและรักษาเด็กที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ การเรียนรู้ หรือพัฒนาการที่ผิดปกติ ตลอดจนให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงดูเด็กที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย โดยจิตแพทย์จะประเมินอย่างรอบด้านเพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน เราทำงานร่วมกับผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างแผนการดูแลที่ครอบคลุม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการช่วยให้เด็กค้นพบศักยภาพของตนเอง เอาชนะอุปสรรคทางการเรียน และเติบโตอย่างมั่นใจในทุกมิติของชีวิต

นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทรศัพท์: 02-589-1889

LINE Official Account: @bmhh

Location: https://maps.app.goo.gl/MCKXwQMK1mCshWKdA

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความเพิ่มเติม