ภาวะ Burnout หรือภาวะหมดไฟในการทำงานนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกหมดไฟ หมดกำลังใจ ไร้แรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจที่รุนแรงตามมาได้
การป้องกันภาวะ Burnout หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพทั้งกายและใจของเรา มีหลายวิธีที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ได้ ดังนี้
- จัดการเวลา: จัดลำดับความสำคัญของงาน แบ่งงานออกเป็นส่วนย่อยๆ และกำหนดเวลาพักเป็นช่วงๆ สั้นๆ ระหว่างทำงาน
- ดูแลสุขภาพ: พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดความเครียดและเพิ่มพลังงาน
- สร้างความสมดุลในชีวิต: ใช้เวลาทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมอดิเรก หรือ ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน: จัดระเบียบโต๊ะทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นระเบียบและสะอาด
- สื่อสารกับหัวหน้างาน: หากรู้สึกว่างานมากเกินไป ให้พูดคุยกับหัวหน้างานเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือขอคำแนะนำจากหัวหน้างานเกี่ยวกับการจัดการงาน
- เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: ปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็นเพื่อลดภาระงานที่มากเกินไป
- มองหาความช่วยเหลือ: ปรึกษาเพื่อนร่วมงาน หรือหากเกินรับไหวอาจปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
ผลกระทบของภาวะ Burnout นั้นร้ายแรงมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและความสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นการป้องกันภาวะ Burnout จึงสำคัญกว่าการรักษา
ปรึกษาและนัดหมายจิตแพทย์
02-589-1889Line : @bmhh
Location & Google Map : ติวานนท์ 39
Website : bangkokmentalhealthhospital.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
7 วิธีสังเกตอาการซึมเศร้าซ่อนเร้น
อาการซึมเศร้าอาจแฝงตัวอยู่ในพฤติกรรมที่ดูปกติ แต่กลับส่งผลกระทบลึกซึ้งโดยไม่ทันรู้ตัว การเรียนรู้ที่จะสังเกตและเข้าใจสัญญาณ
ปลดล็อกศักยภาพ พร้อมเผชิญหน้ากับ Impostor Syndrome
ใครเคยเป็นบ้าง รู้สึกไม่มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง ต่อให้คนอื่น ๆ จะชื่นชมเราแค่ไหน ก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า “เราดีจริงๆ
“สุขภาพจิตของครู”
วันที่ 16 มกราคมของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติ วันที่ทุกคนหันมาระลึกถึงความสำคัญของครูผู้เป็นเสาหลักในการสร้างสรรค์อนาคตของชาติ
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH