ปัจจุบันโซเชียลมีเดียทำให้การสื่อสาร การเข้าสังคมเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น แต่บางคนไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆได้เหมือนคนอื่นโดยอาจจะรู้สึกกังวลเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพบปะ ผู้คน และกลัวว่าจะถูกผู้อื่นมองหรือตัดสินในทางลบจนส่งผลให้หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม ซึ่งอาการแบบนี้หลายคนอาจไม่รู้ว่า นั่นคือ “โรคกลัวการเข้าสังคม” ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคกลัวการเข้าสังคม (Social anxiety disorder) เป็นหนึ่งในกลุ่มโรควิตกกังวลที่สามารถเกิดขึ้นกับคนได้ทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเพศหญิง หรือเพศชาย โดยอาการจะเด่นชัดในช่วงวัยรุ่น ส่งผลให้มีอาการวิตกกังวลหรือกลัวหากต้องเข้าสังคม และต้องพบปะผู้คนที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ผู้ป่วยพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้
ลักษณะอาการของคนที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคม
- รู้สึกวิตกกังวลหรือกลัวการเข้าสังคมอย่างรุนแรง
- หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือสถานการณ์ที่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- มีอาการทางร่างกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก พูดติดอ่าง หน้าแดง ท้องเสีย ปวดท้อง
- มีอาการทางจิตใจ เช่น รู้สึกกังวล กลัวถูกตัดสิน กลัวถูกปฏิเสธ
สาเหตุโรคกลัวการเข้าสังคมสามารถเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย เช่น สารเคมีในสมองที่เปลี่ยนแปลงไป, คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรควิตกกังวล, สภาพแวดล้อม เช่น มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ถูกเพื่อนรังแก,ความกดดันจากการทำงาน และความผิดปกติด้านร่างกาย เช่น ใบหน้าเสียโฉม พูดติดอ่าง
โรคกลัวการเข้าสังคม (Social anxiety disorder)สามารถรักษาให้หายได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยวิธีที่มักนำมาใช้รักษา ได้แก่ การรักษาด้วยยา ซึ่งยาที่ใช้รักษาโรคกลัวสังคมมักเป็นยาในกลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้าหรือยาต้านความวิตกกังวล ยาเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และการบำบัดด้วยการเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) จะเป็นการพูดคุยกับนักจิตบำบัด หรือจิตแพทย์เพื่อจัดการกับความกังวลด้วยการผ่อนคลายร่างกาย และปรับความคิดแง่ลบให้เป็นบวก ซึ่งถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาโรควิตกกังวล
อย่างไรก็ตาม โรคกลัวการเข้าสังคม อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในชีวิต เช่น โอกาสในการเรียน การทำงาน บางคนที่มีอาการรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นหากใครมีอาการกลัวสังคมต่อเนื่องกันนานเกิน 6 เดือน ควรรีบมาพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม
แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล
จิตแพทย์โรงพยาบาลBMHH- Bangkok Mental Health Hospital
บทความที่เกี่ยวข้อง
ก้าวข้ามผ่านความทุกข์ด้วยพลังของการบำบัด
ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดัน การรักษาสุขภาพจิตกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพร่างกาย
GAD เมื่อความกังวลกลายเป็นปัญหา
ทุกคนย่อมมีความกังวลใจบ้างเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่ความกังวลที่มากเกินไปและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
บาดแผลที่เกิดขึ้นในใจเด็ก อาจเสี่ยงเป็น PTSD
โรค PTSD หรือโรคเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นโรคจิตเวชที่สามารถเกิดได้กับทุกคนที่ประสบเหตุการณ์รุนแรงหรือเหตุการณ์สะเทือนใจมา
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH