อากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้บางคนมีอารมณ์และความรู้สึกเปลี่ยนตาม โดยเฉพาะฤดูหนาวเป็นช่วงที่กลางวันสั้นกว่าตอนกลางคืนอาจทำให้ใครหลายคน เริ่มมีอาการ เหงา เศร้า รู้สึกว่าชีวิตไม่แฮปปี้เหมือนเคย จนอาจทำให้บางคนอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder: SAD)
นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล เป็นโรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปีโดยส่วนใหญ่มักเกิดอาการขึ้นในฤดูหนาว อาจมีอาการต่าง ๆ เช่น ซึมเศร้า เหนื่อยล้า แยกตัวจากสังคม ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่เดือน แต่ก็อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความรู้สึกและการใช้ชีวิตในประจำวัน โดยโรคซึมเศร้าตามฤดูกาลพบได้บ่อยในผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตหนาวที่มีฤดูหนาวยาวนาน โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า คนที่มีอายุ 18-30 ปี และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้าทั่วไป โรควิตกกังวล หรือโรคไบโพลาร์
ปัจจุบันโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล ยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่คาดว่าช่วงเวลากลางวันหรือระยะเวลาที่มีแสงอาทิตย์ในแต่ละวันอาจส่งผลกระทบต่อนาฬิกาชีวิตซึ่งเป็นวงจรที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การตื่นนอน การนอนหลับ และการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด โดยช่วงเวลากลางวันที่สั้นลงในฤดูหนาวอาจทำให้นาฬิกาชีวิตผิดปกติ ก็สามารถทำให้สมองมีการหลั่งฮอร์โมนบางชนิดผิดปกติ ได้แก่
- ระดับเซโรโทนินลดลง เซโรโทนินเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งการได้รับแสงแดดไม่เพียงพออาจส่งผลให้สารชนิดนี้มีปริมาณลดลงและอาจก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมาได้
- ระดับเมลาโทนินสูงขึ้น เมลาโทนินมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ หากฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับสูงขึ้น อาจส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนและเซื่องซึมจนเกิดเป็นภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน
อาการโรคซึมเศร้าตามฤดูกาลเหมือนกับโรคซึมเศร้าทั่วไป แต่จะมีอาการที่เป็นแค่บางช่วงโดยเฉพาะหน้าหนาว และจะค่อยๆหายในฤดูร้อน เช่น รู้สึกหมดหวัง ไร้ค่า มีอารมณ์เศร้าต่อเนื่องเป็นเวลานาน อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง หมดความกระตือรือร้นจะทำสิ่งต่างๆ น้ำหนักขึ้น นอนหลับมากผิดปกติ หรือนอนไม่หลับ และเก็บตัว ไม่ต้องการออกไปพบกับผู้อื่น
สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าตามฤดูกาลมีวิธีการรักษาดังนี้
- การรับประทานยา ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อปรับสมดุลของสารในสมองตั้งแต่ต้นฤดูกาล
- การทำจิตบำบัด แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยบางรายเข้ารับการบำบัดพฤติกรรมและความคิด ซึ่งเป็นการปรับวิธีคิดและพฤติกรรมเพื่อรับมือกับภาวะซึมเศร้าอย่างเหมาะสม
- การบำบัดด้วยแสง เป็นการให้ผู้ป่วยเข้ารับการฉายแสงที่จำลองมาจากแสงอาทิตย์วันละประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอน เพื่อปรับระดับสารเคมีในสมองให้สมดุล โดยผู้ป่วยบางรายอาจฉายแสงด้วยตนเองที่บ้าน
- ปรับพฤติกรรมใช้ชีวิต ปรับพฤติกรรมชีวิตให้ผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหารที่ดี อาหารบางอย่างช่วยต้านซึมเศร้าได้ ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ นั่งสมาธิ ฟังเพลง ทำอาหาร เลี้ยงสัตว์ เหล่านี้มีส่วนช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ดีขึ้น
ทั้งนี้สามารถป้องกันโรคซึมเศร้าตามฤดูกาลได้ เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว ออกไปข้างนอกรับแสงแดดให้มากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ถ้าลองทำแล้วยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการซึมเศร้าได้ ควรมาปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
นายแพทย์ ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์
จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital
บทความที่เกี่ยวข้อง
ความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น
ปัญหาสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมปัจจุบัน แต่สิ่งที่ตามมาพร้อมกับปัญหาเหล่านี้คือ "การตีตรา" (Stigma)
เข้าใจอาการและการรักษาโรคซึมเศร้า ก่อนเข้ามาพบแพทย์
เช็กอารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรม ต้องพบแพทย์รักษาโรคซึมเศร้าหรือไม่ แล้วโรคซึมเศร้าอันตรายหรือไม่ สามารถรักษาหายได้ไหม และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
โรคซึมเศร้า ภัยเงียบคุกคามสังคม
วันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันสุขภาพจิตโลก” (World Mental Health Day) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH