
เรามักได้ยินคำว่า “เซฟโซน” อยู่บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่วนใหญ่มักนึกถึงพื้นที่แห่งความสบายใจที่ปราศจากความเสี่ยงและความกังวล แต่เคยสงสัยไหมว่า การอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยนั้นดีเสมอไปจริงหรือ? เพราะบางครั้งการอยู่ในที่ที่ปลอดภัยเกินไปก็อาจกลายเป็นกำแพงที่ขวางกั้นไม่ให้เราเติบโตหรือก้าวสู่โอกาสใหม่ ๆ ได้เหมือนกัน บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่า เซฟโซนแท้จริงแล้วคืออะไร ทำไมเราจึงควรมี และเมื่อพื้นที่ปลอดภัยของเรากลายเป็นกรงขัง เราจะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้อย่างไร
เซฟโซน (Safe Zone) คืออะไร
เซฟโซนในทางจิตวิทยา ไม่ได้หมายถึงสถานที่ทางกายภาพที่ปลอดภัยจากอันตราย แต่หมายถึงสภาวะทางจิตใจที่เรารู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวการถูกตัดสิน ต่อว่า หรือปฏิเสธ เซฟโซนอาจเป็นบุคคล เช่น คนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนรักที่พร้อมรับฟังเราเสมอ อาจเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เช่น บ้าน หรือห้องนอน หรืออาจเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราผ่อนคลายและลืมความกังวลไปได้ชั่วขณะ สรุปง่าย ๆ เซฟโซนคือฐานที่มั่นทางใจที่ทำให้เรารู้สึกมั่นคงและได้รับการยอมรับ
ความสำคัญของเซฟโซน
การมีเซฟโซนเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพจิตของมนุษย์ทุกคน เพราะมันทำหน้าที่เป็นเหมือนจุดพักชาร์จพลังงานทางใจ เมื่อเราเผชิญกับความเครียด ความผิดหวัง หรือความท้าทายจากโลกภายนอก การได้กลับเข้ามาในเซฟโซนจะช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย จัดการกับอารมณ์ และฟื้นฟูความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง พื้นที่ปลอดภัยนี้ช่วยลดความวิตกกังวล ทำให้เรากล้าที่จะออกไปเผชิญโลกอีกครั้ง
จะรู้ได้อย่างไรว่าตรงไหนคือเซฟโซนของเรา

ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ได้ทันทีว่าพื้นที่ปลอดภัยของตนเองคืออะไร ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อสำรวจหาเซฟโซนของคุณ
- ทบทวนประสบการณ์ในอดีต ลองใช้เวลานึกถึงช่วงเวลา สถานที่ หรือบุคคลในอดีตที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจและปลอดภัย ในทางกลับกัน ลองนึกถึงสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลหรือไม่เป็นตัวของตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยกำหนดขอบเขตเซฟโซนของคุณได้ชัดเจนขึ้น
- สังเกตการตอบสนองของร่างกายและอารมณ์ เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์หรืออยู่กับใครแล้วรู้สึกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อไม่เกร็ง หายใจได้ทั่วท้อง และใจสงบ นั่นคือสัญญาณของพื้นที่ปลอดภัย แต่ถ้าคุณรู้สึกใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อตึงเครียด หรืออารมณ์ขุ่นมัว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังอยู่นอกเซฟโซน
- เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง หากสัญชาตญาณของคุณบอกว่า สถานการณ์หรือบุคคลนี้ไม่ปลอดภัย ให้เชื่อความรู้สึกนั้นและค่อย ๆ ถอยออกมา
- พูดคุยและขอคำปรึกษา แบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อน ครอบครัว หรือนักบำบัดที่คุณไว้ใจได้ มุมมองจากคนนอกบางครั้งช่วยให้คุณเห็นสิ่งที่มองไม่ออกด้วยตัวเอง
เราจะสร้างเซฟโซนอย่างไรได้บ้าง
เราทุกคนสามารถสร้างเซฟโซนให้ตัวเองและคนรอบข้างได้ โดยเริ่มจากการยอมรับและเคารพในความรู้สึกของตนเอง หาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบซึ่งช่วยให้จิตใจได้พักผ่อน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำงานอดิเรก ขณะเดียวกัน เรายังสามารถเป็นเซฟโซนให้ผู้อื่นได้ด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ด่วนตัดสิน และแสดงความเข้าอกเข้าใจ ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจเช่นนี้จะดึงดูดคนที่พร้อมจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เราเข้ามาในชีวิตเช่นกัน
สัญญาณเตือน เมื่อเซฟโซนกลายเป็น “กรงขัง” ของความสบายใจ

แม้เซฟโซนจะมีความสำคัญ แต่การอยู่ในนั้นนานเกินไปอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตได้ ลองสังเกตสัญญาณเตือนเหล่านี้ที่บ่งบอกว่า เซฟโซนของคุณอาจกำลังกลายเป็นกับดัก
- ปฏิเสธทุกโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ามา เพราะกลัวความล้มเหลวหรือสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
- รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ แต่ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
- พึ่งพาเซฟโซนมากจนไม่มั่นใจที่จะตัดสินใจหรือทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
- รู้สึกว่าชีวิตหรือการพัฒนาตัวเองหยุดนิ่ง ไม่ก้าวหน้าไปไหน
หากคุณเริ่มพบสัญญาณเหล่านี้ อาจถึงเวลาที่ควรทบทวน และค่อย ๆ เปิดใจลองก้าวออกจากเซฟโซน เพื่อค้นพบประสบการณ์และการเติบโตที่รออยู่ข้างหน้า
วิธีก้าวออกจากเซฟโซนที่คุณเองก็ทำได้
- เริ่มต้นจากเป้าหมายเล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลองตั้งเป้าหมายที่ท้าทายขึ้นเล็กน้อยแต่ยังจัดการได้ เช่น ลองสั่งเมนูใหม่ ๆ พูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก หรือเดินทางไปในเส้นทางใหม่
- เรียนรู้สิ่งใหม่ การลงเรียนคอร์สสั้น ๆ อ่านหนังสือในหมวดที่ไม่เคยอ่าน หรือดูสารคดี เป็นการเปิดโลกทัศน์และสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งใหม่ ๆ
- ค่อย ๆ เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ลองปรับเปลี่ยนตารางเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อลดความจำเจและสร้างความยืดหยุ่นให้ตัวเอง
- เตรียมใจยอมรับความผิดพลาด มองว่าความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่ใช่ความล้มเหลวที่น่ากลัว
- หาเพื่อนร่วมทาง แบ่งปันเป้าหมายของคุณกับเพื่อนที่ไว้ใจ เพื่อให้มีคนคอยให้กำลังใจและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ก้าวขาไม่ออกเพราะใจกังวล การปรึกษาจิตแพทย์คืออีกหนึ่งทางเลือก
การก้าวออกจากเซฟโซนอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคน เพราะอาจมีความวิตกกังวล ความกลัวที่ฝังใจ หรือปมในอดีตที่คอยขัดขวางอยู่ การพยายามฝืนตัวเองอาจยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลง ในสถานการณ์เช่นนี้ การปรึกษาจิตแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ดี จิตแพทย์จะช่วยให้คุณได้สำรวจความคิดและอารมณ์ของตัวเองอย่างลึกซึ้ง มองเห็นต้นตอของความกลัว รวมถึงแนะนำวิธีรับมือที่เหมาะสม การได้พูดคุยกับผู้ที่มีความเข้าใจเรื่องจิตใจโดยตรง จะช่วยให้คุณค่อย ๆ คลายความกังวล สร้างความมั่นใจ และพร้อมที่จะก้าวออกจากเซฟโซนไปพบกับโอกาสใหม่ ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า
เซฟโซนมีไว้ให้พัก แต่ไม่ใช่ที่สำหรับอยู่ตลอดไป
เซฟโซนเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพจิตที่แข็งแรง เปรียบเสมือนบ้านที่เรากลับมาพักพิงเพื่อเติมพลังใจในวันที่อ่อนล้า อย่างไรก็ตาม การเติบโตและการค้นพบศักยภาพใหม่ ๆ ของชีวิตมักอยู่นอกขอบเขตของความคุ้นเคยเดิม ๆ ดังนั้น การสร้างสมดุลระหว่างการพักผ่อนในเซฟโซนและการท้าทายตัวเองจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับผู้ที่รู้สึกกลัวในการก้าวออกจากเซฟโซน หรือรู้สึกว่า ความวิตกกังวลขัดขวางการใช้ชีวิต สามารถเข้ามาปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่ Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลที่ดูแลปัญหาทางจิตใจในเครือโรงพยาบาลเวชธานี เรามีทีมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่พร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้คุณ เพื่อให้คุณก้าวข้ามความกลัวต่าง ๆ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจและมีความสุขในเส้นทางของตัวเอง
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhhLocation: https://maps.app.goo.gl/MCKXwQMK1mCshWKdA
บทความที่เกี่ยวข้อง

เด็กซนอยู่ไม่นิ่ง หรือเข้าข่ายสมาธิสั้น สัญญาณที่พ่อแม่ต้องรู้
การเห็นลูกน้อยเต็มไปด้วยพลังงาน วิ่งเล่นไม่อยู่นิ่งเป็น […]

รู้จักอาการหายใจเร็วเกินไป Hyperventilation คืออะไร
เคยไหมที่ในสถานการณ์ตึงเครียด จู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจหอบเร็ […]

หงุดหงิดง่ายเกิดจากอะไร รวมสาเหตุและวิธีแก้ที่ควรรู้
อารมณ์หงุดหงิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนในชีวิตประจ […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH