“Alex & The Gang” โชว์เคสงานอาร์ตเด็กพิเศษ สู่การต่อยอดอาชีพ

Share
โชว์เคสงานอาร์ตเด็กพิเศษ สู่การต่อยอดอาชีพ

การจัดงาน ArtStory Event and “Alex & The Gang” Show Case ที่ชั้น 4 สยามพารากอน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ถือเป็นการจุดประกายความคิด และมุมมองใหม่ๆ ของสังคมไทยที่มีกับเด็กพิเศษ (ออทิสติก) โดยเฉพาะกับผลงานโชว์เคสของ “Alex & The Gang” “น้องอเล็ก-ชนกรณ์ พุกะทรัพย์” ศิลปินเด็กพิเศษที่ค้นพบตัวเองจากโลกจินตนาการสู่การเป็นนักเขียนผ่านตัวอักษรบนโลกออนไลน์ และงานดิจิทัลอาร์ท ต่อยอดเชื่อมโลกแห่งความเป็นจริงกับการออกแบบลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชวนเพื่อนๆ เด็กพิเศษที่มีความสามารถหลากหลายอีก 7 คน มาร่วมจัดแสดงผลงานที่แปลงร่างจากลายเส้นและงานศิลปะสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริง สร้างความยั่งยืนให้เด็กพิเศษสามารถมีรายได้ มีอาชีพผ่านการทำงานศิลปะ สะท้อนให้สังคมเห็นคุณค่าของเด็กพิเศษ เปิดพื้นที่แห่งโอกาสอย่างเท่าเทียม เพื่อช่วยให้สามารถพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ

ทำความเข้าใจกับออทิสติก

โรคออทิสติกคืออะไร ควรต้องดูแลกันอย่างไร นี่ย่อมจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ศ.นพ.รณชัย คงสกนต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Bangkok Mental Health Hospital หรือ BMHH ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคออทิสติก (Autism Spectrum Disorder: ASD) ว่า “โรคนี้เป็นกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองที่ล่าช้า 3 ด้านคือ ด้านการเข้าสังคม การพูดหรือด้านภาษา และพฤติกรรมมีการสนใจซ้ำ ทั้งนี้ จากตัวเลขกรมสุขภาพจิตกบว่า ประเทศไทยพบอัตราป่วยโรคออทิสติกได้ 6 คน/ประชากรทุก ๆ 1,000 คน คาดว่าทั่วประเทศจะมีเด็กป่วยเป็นโรคนี้มากกว่า 3 แสนคน

บทบาทของสังคมที่สำคัญที่สุดกับเด็กพิเศษเหล่านี้คือ ผู้ปกครอง คุณครูหรือผู้ดูแลต้องเปิดรับ เปิดใจ และยอมรับในตัวเขา ลองสังเกตสิ่งที่เขาชอบทำ สิ่งที่เขาถนัดจริง ๆ แล้วค่อยมองหาวิธีพัฒนาทักษะของเขาเพื่อต่อยอดมันต่อ เช่น เรื่องความชอบด้านศิลปะ จุดเด่นของศิลปะแต่ละด้านจะช่วยเสริมพัฒนาการของกลุ่มเด็กพิเศษแตกต่างกันไป และช่วยทำให้สมองเรียนรู้การเชื่อมโยงเรื่องราว พร้อมส่งเสริมสมาธิให้ดีขึ้น ดังเช่น BMHH ได้เข้าสนับสนุนกิจกรรม “Alex & The Gang” Show Case โดย ArtStory By Autistic Thai ซึ่งได้แสดงผลงานศิลปะสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริง สร้างความยั่งยืนให้เด็กพิเศษสามารถมีรายได้ มีอาชีพผ่านการทำงานศิลปะ สะท้อนให้สังคมเห็นคุณค่าของเด็กพิเศษ ที่สิ่งสำคัญ คือ การสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเด็กเอง

วิธีการรักษาโรคออทิสติกให้มีประสิทธิภาพ คือ การรักษาแบบองค์รวมผสมผสานร่วมกันกับการบำบัดตามอาการเด่น และยังพิจารณาถึงประเภทของออทิสติกและระดับความรุนแรงในการต้องการความช่วยเหลือสนับสนุน โดยแพทย์จะให้แนวทางการบำบัดโรคออทิสติกทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนกับผู้ปกครอง โดยเน้นการกระตุ้นพัฒนาการ การเพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและการปรับลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ร่วมกันกับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการ การเรียนรู้และการสื่อสาร รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคม เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้และลดการพึ่งพา”

ขณะที่ นพ.ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ หรือ “หมอตัง” จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital ได้กล่าวถึง

แนวทางการเลี้ยงลูกวัยรุ่นในยุคนี้ที่มิใช่เฉพาะเด็กพิเศษว่า “พ่อแม่ควรจะต้องใช้หลักของ LOVE นั่นคือ L Llisten การเปิดใจรับฟัง และทำให้ลูกรู้สึกว่า ตนเองสามารถเข้าถึงพ่อแม่ได้, O Observe การสังเกตว่าเด็กทำอะไร เกินขอบเขตหรือไม่, V Validate การยืนยันความรู้สึก ที่สำคัญ พ่อแม่ต้องตั้งใจรับฟังทั้งคำพูด และการแสดงออกทางภาษากาย อย่าด่วนตัดสินลูกไปก่อน และ E Encourage การให้กำลังใจ

กล่าวโดยรวม คือ พ่อแม่ต้องสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับลูก ทำให้ลูกรู้สึกว่าสามารถเข้าหา พูดคุยกับพ่อแม่ได้ โดยที่พ่อแม่ไม่ด่วนตัดสินไปก่อน เช่น เมื่อลูกเล่าปัญหาให้ฟังแล้วพ่อแม่ย้อนถามว่า ลูกคิดมากไปเองหรือเปล่า ฯลฯ นอกจากนี้ พ่อแม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน ทั้งขอบเขตของตัวเอง และลูกว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ โดยที่ตัวเองก็ต้องเคารพ และทำตามขอบเขตนั้นด้วย และเมื่อเวลาลูกออกไปเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ ภายนอก ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เขาควรจะสามารถรับรู้ได้ว่า “บ้าน” เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้สามารถกลับมาหาได้เสมอ เป็นพื้นที่ที่สามารถพูดคุย ระบายถึงความไม่สบายใจ ความยากลำบากต่าง ๆ ได้ การตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ จะเป็นเหมือนเสื้อเกราะให้ลูกรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ นพ.ณชารินทร์ ยังกล่าวถึงการใช้ศิลปะเพื่อสร้างความสุข พัฒนาอารมณ์ และจิตใจว่า “การทำงานศิลปะนั้นเป็นเสมือนการระบายอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งบางครั้งอาจจะยากที่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูด ที่สำคัญ ระหว่างการทำงานศิลปะ เราก็จะได้อยู่กับตัวเอง มีการคิด ไตร่ตรอง ถึงอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม ดังนั้น นอกจากศิลปะจะเป็นช่องทางการระบายอารมณ์แล้ว ก็ยังสามารถเป็นการฝึกฝนสมาธิ การตระหนักรู้เท่าทันตัวเองได้อีกด้วย

ขอขอบคุณที่มาจาก BIZ BUZZ NEWS ONLINE

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความเพิ่มเติม