
พ่อแม่ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติทางจิตเวชและสัญญาณอันตรายที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของลูก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ หากพบสิ่งผิดปกติ ควรรีบพาไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ป้องกันผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว
เช็กสัญญาณผิดปกติที่ควรพาไปพบจิตแพทย์เด็ก
เด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจ และความคิดที่แตกต่างกันออกไป โดยหากพบอาการที่ผิดปกติ แนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์เด็ก
อาการผิดปกติของเด็กเล็ก
- ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากร่วมกิจกรรม หรือมีท่าทีวิตกกังวล
- พัฒนาการช้า ผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่พยายามอย่างหนัก
- ร้องไห้ อาละวาด แบบไม่มีสาเหตุ
- ก้าวร้าว หรือไม่เชื่อฟังแบบไร้เหตุผล
- ฝันร้ายเป็นประจำ
- อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ ต้องขยับทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา
- สมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้นาน ๆ
- บางคนเก็บตัวเงียบ ไม่ร่าเริงเหมือนกับเด็กทั่วไป
อาการผิดปกติของเด็กโตและวัยรุ่น
- ชอบบ่นว่าตนเอง ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประจำ
- นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
- ผลการเรียนตกลงมาก
- อารมณ์รุนแรง แปรปรวน และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
- ใช้สารเสพติด ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่
- ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือตัดสินใจในเรื่องเล็ก ๆ ได้
- มีอาการซึมเศร้า ไม่อยากรับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารมากเกินไป
- ก้าวร้าว และมีอาการต่อต้านกับทุกสิ่งอย่างเห็นได้ชัด
- วิตกกังวลเรื่องรูปร่างอยู่เสมอ
10 สัญญาณอันตรายหรือความผิดปกติทางจิตเวชในเด็ก
สัญญาณความผิดปกติทางจิตเวชในเด็กที่พ่อแม่ควรพาลูกมาพบจิตแพทย์เด็ก เพื่อดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด มีทั้งหมด 10 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
เป็นกลุ่มที่เรียนรู้ได้ช้า ทำให้มีทักษะการปรับตัว การคิด และการใช้ชีวิตที่ช้ากว่าเด็กในช่วงวัยเดียวกัน และเมื่อวัดระดับไอคิว จะต่ำกว่า 70 แนะนำให้พบจิตแพทย์เด็กเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด
2. ความผิดปกติทางด้านการสื่อสาร
ไม่สามารถพูด แสดงท่าทาง หรือตีความหมายต่าง ๆ ได้
3. ความผิดปกติของการประสานงานของกล้ามเนื้อ
ภาวะที่กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
4. ความผิดปกติของสมองในการเรียนรู้
ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ โจทย์คณิตศาสตร์ และการเขียนสื่อความหมาย
5. ความผิดปกติทางด้านพัฒนาการหลายด้าน
มักมีอาการพูดช้าหรือไม่พูดเลย ไม่สามารถพูดจาโต้ตอบได้ ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder)
6. ความตั้งใจบกพร่อง และพฤติกรรมแตกแยก
ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. โรคสมาธิสั้น 2. โรคพฤติกรรมเกเรก้าวร้าว และ 3. โรคดื้อต่อต้าน หากพบว่าลูกไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ได้ แนะนำให้พามาพบจิตแพทย์เด็กเพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
7. ความผิดปกติในพฤติกรรมการกิน
ทั้งการรับประทานสิ่งผิดปกติ การกลืนแล้วอาเจียนออก ไปจนถึงการป้อนอาหารจนกระทั่งเด็กพัฒนาการช้ากว่าปกติ
8. ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจจาระ
เป็นภาวะที่เด็กไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายของตนเองได้ หรือกลั้นไม่อยู่ มักเกิดในช่วงเวลากลางคืน
9. อาการกระตุกของกล้ามเนื้อต่าง ๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ
ทำให้มีอาการกระตุกซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ซึ่งจะมีทั้งแบบชั่วคราว และแบบเรื้อรัง ควรพาไปพบจิตแพทย์เด็กเพื่อทำการรักษาต่อไป
10. ความผิดปกติอื่น ๆ
อาจจะเกิดจากความกังวล โดยแกล้ง ซึ่งผู้ปกครองจะต้องสังเกตว่าเด็ก ๆ มีพฤติกรรมที่ผิดไปจากเดิมหรือไม่ อย่างเช่น การกัดเล็บ หรือดูดนิ้ว
จิตแพทย์เด็กมีหน้าที่อะไรบ้าง
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นมีหน้าที่หลักในการตรวจวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ สังคม และพัฒนาการในเด็กและวัยรุ่น โดยทำงานร่วมกับเด็กและครอบครัวอย่างใกล้ชิด
การตรวจประเมินและวินิจฉัย
จิตแพทย์จะรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อทำความเข้าใจปัญหาของเด็กอย่างแท้จริง
- พูดคุยและสัมภาษณ์ ทั้งตัวเด็ก ผู้ปกครอง และอาจรวมถึงคุณครู เพื่อให้ได้ข้อมูลจากทุกมุมมอง
- สังเกตพฤติกรรม ดูการแสดงออกและปฏิสัมพันธ์ของเด็กในระหว่างการตรวจ
- ใช้แบบประเมินมาตรฐาน เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของอาการอย่างเป็นระบบ
- วินิจฉัยแยกโรค เพื่อให้แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากโรคทางกายอื่น ๆ
การวางแผนและให้การรักษา
หลังจากวินิจฉัยแล้ว จิตแพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน ซึ่งประกอบด้วยหลายวิธีร่วมกัน
- การทำกิจกรรมบำบัด เป็นการเสริมทักษะทางสังคม และการจัดการอารมณ์ผ่านกิจกรรมสื่อกลาง เช่น ดนตรีบำบัด หรือศิลปบำบัด
- การทำจิตบำบัด จิตแพทย์อาจทำจิตบำบัดร่วมกับนักจิตวิทยา โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT) เพื่อช่วยให้เด็กจัดการอารมณ์และเรียนรู้ทักษะการแก้ปัญหา
- การสั่งยา จิตแพทย์สามารถสั่งจ่ายยาเพื่อช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมองได้ในกรณีที่จำเป็น เช่น การรักษาโรคสมาธิสั้น ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
- การให้คำแนะนำผู้ปกครอง เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง จิตแพทย์จะให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดู การจัดการพฤติกรรม และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก
ดูแลรักษาโรคจิตเวชเด็กอย่างเข้าใจที่ แบงค็อก เมนทัล เฮลท์
จากประสบการณ์ส่วนตัวของหมอ ความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยที่เด็กส่งสัญญาณมาอาจเป็นเพียงยอดภูเขานเำแข็งที่เด็กเลือกที่จะเปิดเผย ในความรู้สึกของผู้ปกครองที่คิดว่าเรื่องเล็กน้อยเล็กนิดเดียว อาจจะมีอะไรที่ซ่อนอยู่มากกว่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการใส่ใจรับฟังและให้ความสนใจเขาในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือและความสนใจ เพราะหากปล่อยให้ปัญหารุนแรงและซับซ้อนมากเกินไป เด็กของเราอาจจะสูญเสียตัวตน เวลา และโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามวัย
สำหรับผู้ปกครองที่กำลังมองหาโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อดูแลปัญหาสุขภาพจิตของลูก โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์ (BMHH) โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต ในเครือโรงพยาบาลเวชธานี มีจิตแพทย์เด็กที่มากประสบการณ์พร้อมให้การดูแลรักษา ซึ่งผู้ปกครองที่กำลังคิดว่าจะพาลูกไปพบจิตแพทย์เด็กหรือจิตแพทย์วัยรุ่นที่ไหนดี สามารถนัดหมายเพื่อปรึกษากับจิตแพทย์เด็กได้ที่เบอร์ 02-589-1889
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
Location: https://maps.app.goo.gl/MCKXwQMK1mCshWKdA
บทความโดย
พญ.ปัทมาพร ทองสุขดี
จิตเวชเด็กและวัยรุ่น
โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์ (BMHH)
บทความที่เกี่ยวข้อง
โรคเครียดไม่ใช่เรื่องเล็ก สาเหตุและวิธีการรักษาที่ควรรู้
ความเครียดเป็นอารมณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต […]
ง่วงนอนตลอดเวลา เป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุใด
ความรู้สึกอ่อนเพลีย หรือง่วงนอนระหว่างวันเป็นสิ่งที่เกิ […]
อยากเลิกยาเสพติด เริ่มต้นอย่างไร เมื่อไรที่ควรเริ่มเลิกยา
การตัดสินใจอยากเลิกยาเสพติด คือสัญญาณที่บอกว่า คุณพร้อม […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH