ความเครียดเป็นอารมณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อความกดดันนั้นรุนแรงและยาวนานจนเกินกว่าจะรับมือไหว มันสามารถพัฒนาจนกลายเป็น “โรคเครียด” ซึ่งเป็นภาวะทางสุขภาพจิตที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ต้องได้รับการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
โรคเครียดคืออะไร
โรคเครียด หมายถึงการปรับตัวผิดปกติ (Adjustment Disorder) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายและจิตใจไม่สามารถปรับสมดุลได้เมื่อเผชิญเหตุการณ์กดดัน หรือสะเทือนใจ เช่น การสูญเสียคนใกล้ชิด การประสบอุบัติเหตุรุนแรง หรือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ความเครียดทั่วไปมักหายไปเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น แต่หากอาการดำเนินต่อเนื่อง กระทบการใช้ชีวิต และไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง อาจพัฒนาเป็นโรคเครียดที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
อาการของโรคเครียด
- อาการทางร่างกาย
- ปวดศีรษะ
- มีความต้องการทางเพศลดลง
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ความดันโลหิตสูง ใจสั่น
- มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องผูกสลับท้องเสีย
- มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกทำให้หลับต่อได้ยาก
- อาการทางจิตใจและอารมณ์
- วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา
- รู้สึกเศร้าหรือหดหู่
- หงุดหงิดง่าย
- รู้สึกกดดันอยู่เสมอ
- ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ใจลอย ขาดสมาธิ
- อาการทางพฤติกรรม
- รับประทานอาหารมากขึ้น หรือน้อยลงผิดปกติ
- ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
- แยกตัวออกจากสังคม
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- บางรายอาจหันไปพึ่งสุราหรือสารเสพติด
จะรู้ได้อย่างไรว่า เราแค่เครียด หรือเป็นโรคเครียด
ความเครียดทั่วไปอาจเกิดขึ้นชั่วคราวจากการทำงาน การเรียน หรือความสัมพันธ์ แต่จะบรรเทาลงได้เมื่อพักผ่อนหรือจัดการปัญหา หากอาการยังคงรุนแรงต่อเนื่องหลายสัปดาห์ มีผลต่อสุขภาพกาย เช่นปวดท้อง ไมเกรน และส่งผลต่อจิตใจจนไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคเครียด
สาเหตุของโรคเครียด
โรคเครียดมักถูกกระตุ้นจากเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ในชีวิตที่สร้างความกดดัน ซึ่งอาจเป็นเหตุการณ์เดียวหรือหลายเหตุการณ์ประกอบกัน เช่น
- การประสบอุบัติเหตุร้ายแรง หรือเกือบเสียชีวิต เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ การจมน้ำ หรือการเกิดไฟไหม้
- การถูกทำร้ายร่างกาย หรือล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจอย่างรุนแรง
- การสูญเสียบุคคลสำคัญอย่างกะทันหัน เช่น การเสียชีวิตของคนในครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อนสนิท
- การประสบภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ หรือสึนามิ
- การเป็นพยานในเหตุการณ์รุนแรง หรือการได้ยินข่าวร้ายที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด
- สถานการณ์สงคราม การถูกคุกคาม หรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอันตราย
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์ เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง การหย่าร้าง หรือการสูญเสียคนรัก
- ปัญหาด้านการงานหรือการเงิน เช่น การตกงาน ภาระงานที่หนักเกินไป หรือการมีหนี้สิน
- การเจ็บป่วยรุนแรงของตนเองหรือคนในครอบครัว
- การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต แม้จะเป็นเรื่องดี เช่น การแต่งงาน หรือการย้ายบ้าน ก็สามารถสร้างความเครียดได้
ผลกระทบจากโรคเครียด
หากปล่อยให้โรคเครียดดำเนินไปโดยไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นได้ ทั้งการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางกาย เช่น โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และที่สำคัญคืออาจพัฒนาไปเป็นภาวะทางจิตใจที่รุนแรงกว่า เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลได้
เมื่อไรควรไปพบจิตแพทย์
คุณควรพิจารณาเข้าปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เมื่อสังเกตพบสัญญาณเหล่านี้
- เมื่อความเครียดส่งผลกระทบต่อการทำงาน การนอน หรือความสัมพันธ์อย่างรุนแรง
- เมื่ออาการไม่ดีขึ้นเลยแม้จะผ่านไปหลายสัปดาห์ และพยายามจัดการด้วยตนเองแล้ว
- เมื่อเริ่มใช้สุราหรือสารเสพติดอื่น ๆ เพื่อรับมือกับความเครียด
- เมื่อมีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือรู้สึกสิ้นหวัง
การวินิจฉัยโรคเครียด
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคเครียดโดยการซักประวัติอย่างละเอียดเกี่ยวกับอาการ เหตุการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายอาจต้องทำแบบสอบถามสุขภาพจิต หรือเข้ารับการตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อแยกสาเหตุจากโรคทางกาย เช่น ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ การใช้สารเสพติด หรือผลข้างเคียงจากยา
การรักษาโรคเครียด
- การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy: CBT) เป็นรูปแบบการจิตบำบัดที่มุ่งเน้นการทำความเข้าใจความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้ป่วย โดยเชื่อว่าความคิดที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต การบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยตระหนักและปรับทัศนคติใหม่ มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ทั้งนี้มักเป็นการบำบัดระยะสั้น ผ่านการพูดคุยและการฝึกทักษะทางความคิดร่วมกับแพทย์
- การใช้ยา ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น อาการทางร่างกายจากความเครียด ปัญหาการนอนหลับ หรืออาการซึมเศร้า โดยยาที่ใช้บ่อย ได้แก่
- เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta-Blocker) ใช้บรรเทาอาการทางร่างกายที่เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว ยานี้ไม่ใช่ยาระงับประสาท จึงไม่ทำให้ง่วงหรือเสพติด และสามารถรับประทานเฉพาะเวลาที่มีอาการได้
- ไดอะซีแพม (Diazepam) จัดอยู่ในกลุ่มยาเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) ที่ออกฤทธิ์ระงับประสาท แพทย์มักไม่ใช้รักษาโรคเครียดเป็นหลัก ยกเว้นบางกรณีจำเป็น โดยจะให้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเสพติดยา และประสิทธิภาพลดลงหากใช้ติดต่อกันนาน
- ยากลุ่มอื่น ๆ และการรักษาเสริม นอกจากยาหลัก แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาเพิ่มเติม เช่น ยาต้านเศร้ากลุ่มเอสเอสอาร์ไอ (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors: SSRIs) ยาลดอาการวิตกกังวล หรือยาต้านเศร้ากลุ่มอื่น ๆ
สำหรับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น การรักษาในโรงพยาบาลเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
วิธีจัดการกับความเครียด ป้องกันโรคเครียด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
- พักผ่อนให้เพียงพอและมีคุณภาพ
- หากิจกรรมที่ช่วยให้ตัวเองผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเที่ยว หรือสังสรรค์กับเพื่อน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่
- ฝึกสมาธิหรือหายใจลึก ๆ เพื่อลดความตึงเครียด
- พยายามมองโลกในแง่บวก ยอมรับความจริงว่าไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบ
- จัดสรรเวลาในชีวิตให้สมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน
- พูดคุยระบายปัญหากับเพื่อน หรือครอบครัวที่ไว้ใจ
- หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติด เช่น เหล้า บุหรี่ กาแฟ และยาเสพติด
โรคเครียดรักษาได้ หากพบแพทย์และเข้ารับการบำบัดอย่างเหมาะสม
โรคเครียดเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน หากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ หรืออารมณ์แปรปรวน การเข้ามารับการประเมินและการรักษากับแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยได้เรียนรู้วิธีจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวชอื่นๆ ในอนาคต
แม้ว่าความเครียดจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต่โรคเครียดถือเป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายและจิตใจตอบสนองต่อความเครียดอย่างรุนแรงและยาวนาน จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต อย่างไรก็ตาม โรคเครียดสามารถบรรเทาและรักษาให้ดีขึ้นได้ หากผู้ป่วยรู้จักสังเกตอาการของตนเองและเข้ารับการดูแลจากแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ก็สามารถฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจกลับคืนสู่ภาวะปกติได้
โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์ (BMHH) เรามีทีมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่พร้อมประเมินและวางแผนการดูแลสำหรับผู้ที่เผชิญกับภาวะเครียด เรามุ่งเน้นการบำบัดที่ต้นเหตุและเสริมสร้างทักษะการรับมือในระยะยาว เพื่อให้คุณสามารถกลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งและเผชิญกับความท้าทายในชีวิตได้อย่างมั่นคง
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
Location: https://maps.app.goo.gl/MCKXwQMK1mCshWKdA
บทความโดย
พญ.นงนภัส วนัสสกุล
จิตเวชผู้ใหญ่
โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์ (BMHH)
บทความที่เกี่ยวข้อง
ง่วงนอนตลอดเวลา เป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุใด
ความรู้สึกอ่อนเพลีย หรือง่วงนอนระหว่างวันเป็นสิ่งที่เกิ […]
อยากเลิกยาเสพติด เริ่มต้นอย่างไร เมื่อไรที่ควรเริ่มเลิกยา
การตัดสินใจอยากเลิกยาเสพติด คือสัญญาณที่บอกว่า คุณพร้อม […]
ลงแดง ภาวะถอนพิษยาที่ต้องเข้าใจก่อนคิดจะ “หักดิบ”
การตัดสินใจเลิกสารเสพติดหรือสุรา คือจุดเริ่มต้นที่กล้าห […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH