
หลายบ้านคงเคยเจอกับสถานการณ์ที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน ตื่นเช้ามาแล้วลูกร้องไห้ บอกว่าปวดท้อง ปวดหัว หรือขอร้องให้อยู่บ้านแค่วันเดียว บางครั้งอาจดูเหมือนเป็นแค่ความดื้อ แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมเหล่านี้อาจสะท้อนถึงความไม่สบายใจ หรือแม้กระทั่งปัญหาทางอารมณ์และจิตใจที่เด็กยังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ชัดเจน การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและวิธีการรับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกเสียหาย
สาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน
ปัญหาที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ทั้งจากที่โรงเรียนและที่บ้าน
- กลัวการแยกจากพ่อแม่ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังติดพ่อแม่มาก หรือเพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียนใหม่
- ถูกเพื่อนแกล้งหรือรังแก มีปัญหากับเพื่อนในชั้นเรียน ถูกล้อหรือถูกแยกออกจากกลุ่ม
- ครูดุหรือเข้มงวดเกินไป กลัวครูที่ชอบดุ ลงโทษ หรือมีการปฏิบัติที่เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย
- เรียนไม่ทัน วิชายาก มีปัญหาการเรียนการสอน ทำการบ้านไม่เสร็จ หรือสอบตกบ่อย
- การเปลี่ยนแปลงในครอบครัว พ่อแม่หย่าร้าง ย้ายบ้านใหม่ มีน้องใหม่ หรือสูญเสียคนในครอบครัว
- ติดเกมหรือกิจกรรมที่บ้าน ชอบอยู่บ้านเพราะได้เล่นเกม ดูการ์ตูน หรือได้ทำตามใจตัวเอง
- มีปัญหาสุขภาพจิต ภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือมีความผิดปกติทางจิตที่ซ่อนอยู่
- ปัญหาการเรียนรู้ มีความบกพร่องในการอ่าน เขียน หรือเข้าใจบทเรียนช้ากว่าเพื่อน
อาการผิดปกติที่บ่งบอกว่าลูกกำลังมีปัญหา

นอกจากการปฏิเสธไม่ไปโรงเรียน พ่อแม่ควรสังเกตสัญญาณอื่น ๆ ที่อาจบ่งบอกว่าลูกกำลังเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาเกินกว่าจะรับมือไหว
- อาการทางกาย เช่น บ่นปวดท้อง ปวดหัว คลื่นไส้ ตื่นนอนยาก หรือมีรอยฟกช้ำผิดปกติ
- อาการทางอารมณ์ เช่น ร้องไห้ง่าย หงุดหงิดง่าย โมโหบ่อย หรือกลัวเรื่องต่าง ๆ มากผิดปกติ
- พฤติกรรมแปลกไป เช่น ก้าวร้าว ฝันร้าย กิน นอน น้อยลง หรือไม่สนใจเล่นสนุกเหมือนเดิม
- หลีกเลี่ยงการพูดถึงโรงเรียน ไม่อยากคุยเรื่องเพื่อน ครู หรือกิจกรรมที่โรงเรียน
วิธีรับมือเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน สิ่งสำคัญคือการตั้งสติและรับมืออย่างเข้าใจ เพื่อช่วยลูกแก้ปัญหาจากต้นตออย่างแท้จริง
1. รับฟังลูกเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
ก่อนจะตัดสินหรือดุว่าเมื่อลูกไม่ยอมไปโรงเรียน ให้ใช้เวลาพูดคุยกับเขาอย่างใจเย็น ลองถามด้วยคำถามปลายเปิด เช่น “วันนี้ที่โรงเรียนมีอะไรสนุก ๆ บ้าง” หรือ “มีอะไรทำให้หนูไม่สบายใจหรือเปล่า” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าความรู้สึกออกมา การรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดหรือตำหนิ จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและไว้ใจที่จะเล่าปัญหาให้ฟัง หากลูกยังไม่พร้อมเล่า ให้เวลาและอย่าบังคับ การแสดงออกถึงความรักและการยอมรับจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจที่จะเปิดใจมากขึ้น
2. แสดงความเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ลูกกังวล

เมื่อลูกเล่าปัญหาให้ฟังแล้ว พ่อแม่ต้องแสดงความเข้าใจและยอมรับความรู้สึกของลูก บอกให้เขารู้ว่าเราอยู่ข้างเขาเสมอ เช่น “พ่อเข้าใจว่าหนูกลัวเพื่อนล้อ” หรือ “แม่รู้ว่าหนูยังไม่ชินกับคุณครูคนใหม่” การยอมรับความรู้สึกของลูกไม่ได้หมายความว่าเราเห็นด้วยที่เขาจะไม่ไปโรงเรียน แต่มันคือการสร้างเกราะป้องกันทางใจ ทำให้ลูกรู้สึกว่ามีคนเข้าใจและพร้อมจะเผชิญปัญหานี้ไปด้วยกัน
3. พูดคุย ปรึกษาคุณครูประจำชั้น
พ่อแม่ควรหาเวลาเข้าไปพูดคุยกับคุณครูเพื่อสอบถามพฤติกรรมของลูกที่โรงเรียน และเล่าสถานการณ์ที่บ้านให้ฟัง ครูอาจมีมุมมองหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกในโรงเรียนที่พ่อแม่ไม่ทราบ การวางแผนร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียนจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากปัญหาเกิดจากเพื่อนหรือครูคนอื่น ครูประจำชั้นสามารถเป็นตัวกลางในการแก้ไขได้ นอกจากนี้ ครูยังสามารถปรับวิธีการสอนหรือให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในห้องเรียนได้
4. ชื่นชม ให้กำลังใจเมื่อลูกไปโรงเรียน
ในวันที่ลูกสามารถเอาชนะความกลัวและยอมไปโรงเรียนได้สำเร็จ แม้จะยังมีอาการร้องไห้อยู่บ้าง พ่อแม่ควรให้คำชมเชยและกำลังใจทันที อาจเป็นคำพูดง่าย ๆ หรือให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราว การเสริมแรงบวกแบบนี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกดีกับตัวเองและมีกำลังใจที่จะไปโรงเรียนในวันต่อ ๆ ไป
5. ให้ลูกพกสิ่งของที่ชอบไปโรงเรียน
สำหรับเด็กบางคน การมีสิ่งของที่คุ้นเคยติดตัวไปโรงเรียนจะช่วยลดความกังวลได้มาก ของชิ้นนั้นอาจเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ผ้าห่มผืนโปรด หรือรูปถ่ายครอบครัว สิ่งของเหล่านี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงความรู้สึกปลอดภัยจากบ้านไปสู่โรงเรียน ทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ควรตกลงกับครูก่อน เพราะบางโรงเรียนอาจมีนโยบายเกี่ยวกับสิ่งของส่วนตัว จึงควรสอบถามให้ชัดเจน
6. ทำกิจวัตรตอนเช้าให้สม่ำเสมอ แม้ในวันที่ไม่ได้ไป

หากวันไหนที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนจริง ๆ ควรให้เขาทำกิจวัตรประจำวันตามเวลาเดิม เช่น ตื่นนอน อาบน้ำ และกินข้าวให้เป็นเวลาเหมือนวันเรียน เพราะจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจของลูกคุ้นกับกิจวัตรเดิม ลดความเครียดในเช้าวันที่ต้องไปโรงเรียน ซึ่งมักเกิดจากความต่างของกิจวัตรระหว่างวันหยุดกับวันเรียนที่มากเกินไป จนทำให้ลูกปรับตัวได้ยาก
7. ปรึกษาจิตแพทย์เด็ก
หากลองใช้วิธีต่าง ๆ แล้วยังไม่ได้ผล หรือลูกมีอาการวิตกกังวลอย่างมาก มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรุนแรง ควรปรึกษาจิตแพทย์เด็กเพื่อการประเมินเพิ่มเติม เป็นไปได้ว่าลูกอาจมีภาวะทางจิตที่ต้องการการรักษา เช่น ความวิตกกังวลในการแยกจากพ่อแม่ โรคซึมเศร้า หรือปัญหาการเรียนรู้ การไปพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นโรคจิต แต่เป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูก
เมื่อลูกไม่ยอมไปโรงเรียน พ่อแม่ควรรับฟังและช่วยเหลืออย่างถูกวิธี
ปัญหาลูกไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นสัญญาณสำคัญที่พ่อแม่ต้องใส่ใจรับฟัง ไม่ใช่แค่การบังคับให้ไป แต่คือการหาสาเหตุและเข้าไปแก้ไขอย่างถูกจุด การสร้างความไว้วางใจ การสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ และการร่วมมือกับทางโรงเรียน คือแนวทางที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ แต่หากปัญหานั้นซับซ้อนเกินกว่าจะรับมือไหว การขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นทางเลือกที่จำเป็นเพื่ออนาคตของลูก
สำหรับพ่อแม่ที่กำลังเผชิญปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียนและต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม Bangkok Mental Health Hospital (BMHH) โรงพยาบาลที่ดูแลปัญหาทางจิตใจในเครือโรงพยาบาลเวชธานี มีทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พร้อมให้คำปรึกษาและรักษาเด็กที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ การเรียนรู้ หรือพัฒนาการที่ผิดปกติ ตลอดจนให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงดูเด็กที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย โดยจิตแพทย์จะประเมินอย่างรอบด้านเพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน เราทำงานร่วมกับผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างแผนการดูแลที่ครอบคลุม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการช่วยให้เด็กค้นพบศักยภาพของตนเอง เอาชนะอุปสรรคทางการเรียน และเติบโตอย่างมั่นใจในทุกมิติของชีวิต
นัดหมายเข้าพบจิตแพทย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์: 02-589-1889
LINE Official Account: @bmhh
บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีรับมือกับคนหลงตัวเอง (Narcissistic) ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อต้องอยู่ใกล้คนที่มีพฤติกรรมหลงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค […]

มองหาศูนย์ปรึกษาสุขภาพจิต ติดต่อ BMHH เพื่อดูแลสุขภาพใจ
ผู้ที่กำลังเผชิญกับความเครียด กังวลใจ มีปัญหานอนไม่หลับ […]

Gaslighting คืออะไร ทำไมถึงส่งผลต่อจิตใจของผู้ถูกกระทำ
“เพราะเธอไม่ดีพอ ฉันเลยนอกใจ” “เรื่อง […]
Talk to Doctor
Call Us
Line BMHH